กรมอุตุฯเตือน 19 ถึง21 ม ค เตรียมรับมือฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก

กรมอุตุฯเตือน 19 ถึง21 ม ค เตรียมรับมือฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก

วันที่ 17 ถึง18 ม ค 63 ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 1ถึง2 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 1ถึง13 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 19 ถึง 21 ม ค 63 บริเวณภาคเหนือตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีฝนเพิ่มมากขึ้น และในช่วงวันที่ 22 ถึง 23 ม ค 63 บริเวณภาคเหนือตอนบนอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 1ถึง2 องศาเซลเซียสสำหรับภาคใต้ ในช่วงวันที่ 19ถึง22 ม ค 63 จะมีฝนเพิ่มมากขึ้น และคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตรบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 17ถึง 23 ม ค 63 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนรักษาสุขภาพเนื่องสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไว้ด้วย และในการสัญจรผ่านบนิเวณที่มีหมอกไว้ด้วย ในช่วงวันที่ 19 ถึง 22 ม ค 63 ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 17 ถึง 18 ม ค 63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ประกอบกับลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนพัดความหนาวเย็นจากเทือกเขาหิมาลัยเข้าปกคลุมภาคเหนือ ส่วนในช่วงวันที่ 19 ถึง23 ม ค 63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนที่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้เคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันออกลงสู่ทะเลจีนใต้มากยิ่งขึ้น ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอุณหภูมิสูงขึ้น และทำให้มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกและภาคกลาง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างจะมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่ในช่วงวันที่ 19 ถึง 21 ม ค 63 คลื่นอากาศในกระแสลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนจะพัดเข้ามาปกคลุมภาคเหนือ ทำให้บริเวณภาคเหนือตอนบนมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น

ภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 17 ถึง 18 ม.ค. 63 อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้าอุณหภูมิต่ำสุด 12ถึง21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30ถึง35 องศาเซลเซียส ลมเหนือ ความเร็ว 10ถึง20 กม ชม บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 1ถึง13 องศาเซลเซียสส่วนในช่วงวันที่ 19 ถึง 21 ม ค 63 จะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่งทางตอนบนของภาคอุณหภูมิต่ำสุด 13ถึง23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29ถึง34 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10ถึง20 กม ชมบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 3ถึง12 องศาเซลเซียสในช่วงวันที่ 21 ถึง 23 ม ค 63 อากาศเย็นถึงหนาว และอุณหภูมิจะลดลง 1ถึง3 องศาอุณหภูมิต่ำสุด 10ถึง20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28ถึง35 องศาเซลเซียสบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 1ถึง12 องศาเซลเซียสลมตะวันตก ความเร็ว 10ถึง20 กม ชม

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 17 ถึง 20 ม ค 63 อากาศเย็นถึงหนาว และอุณหภูมิลดลง 1-2 องศาเซลเซียสอุณหภูมิต่ำสุด 15ถึง21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32ถึง34 องศาเซลเซียสบริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9ถึง14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10ถึง25 กม ชม ในช่วงวันที่ 21 ถึง 23 ม ค 63 อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อยอุณหภูมิต่ำสุด 17ถึง22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33ถึง35 องศาเซลเซียสบริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10ถึง15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10ถึง25 กม ชม

ภาคกลาง ในช่วงวันที่ 17 ถึง 18 และ 22 ถึง 23 มค 63 เมฆบางส่วนกับมีหมอกในตอนเช้าในช่วงวันที่ 19 ถึง 21 ม ค 63 มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาคอุณหภูมิต่ำสุด 21ถึง24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32ถึง35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10ถึง20 กม ชม

ภาคตะวันออก ในช่วงวันที่ 17 ถึง 18 ม.ค. 63 มีเมฆบางส่วนกับมีหมอกในตอนเช้าอุณหภูมิต่ำสุด 21ถึง25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31ถึง34 องศาเซลเซียสลมตะวันออก ความเร็ว 10ถึง30 กม ชม ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตรส่วนในช่วงวันที่ 19 ถึง23 ม ค 63 มีเมฆบางส่วนโดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22ถึง26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10ถึง30 กม ชม ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 17 ถึง 18 และ 23 ม ค 63 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10ถึง20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาคอุณหภูมิต่ำสุด 20ถึง24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30ถึง34 องศาเซลเซียสตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชขึ้นมา ลมตะวันออก ความเร็ว 15ถึง30 กม ชม ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตรตั้งแต่จังหวัดสงขลาลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 15ถึง35 กม ชม ทะเลมีคลื่นสูง 1ถึง2 เมตรในช่วงวันที่ 19ถึง 22 ม ค 63 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20ถึง40 ของพื้นที่ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันออก ความเร็ว 15ถึง30 กม ชม ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตรตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 20ถึง35 กม ชม ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตรบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 17 ถึง 18 และ 23 ม.ค. 63 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ในช่วงวันที่ 19 ถึง 22 ม ค 63 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียสลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในช่วงวันที่ 17 ถึง18 ม ค 63 มีเมฆเป็นส่วนมากกับฝนเล็กน้อยบางแห่งอุณหภูมิต่ำสุด 25ถึง27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียสส่วนในช่วงวันที่ 19 ถึง 23 ม ค 63 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 24 ถึง26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32ถึง36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม ชม

ขอบคุณ กรมอุตุนิยมวิทยา

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ