แจงแล้ว ลงทะเบียนเยียวยาเฟส2 รับ 3,000 ระยะเวลา 3 เดือน

แจงแล้ว ลงทะเบียนเยียวยาเฟส2 รับ 3,000 ระยะเวลา 3 เดือน

ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลมาตรการช่วยเหลือประเด็นเรื่อง ลงทะเบียนเยียวยา SMEs เฟส 2 เงินอุดหนุนสำหรับลูกจ้าง 3,000 บาท

เป็นระยะเวลา 3 เดือน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงานได้ พบว่าข้อมูลที่ปรากฏตามสื่อดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

กรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลระบุว่า เปิดลงทะเบียนเยียวยา SMEs เฟส 2 ซึ่งเป็นเงินอุดหนุนสำหรับลูกจ้าง 3,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือนนั้น ทางกรมการจัดหางาน

กระทรวงแรงงานได้ตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวแล้วพบว่าข้อความดังกล่าวมีเนื้อหาไม่ถูกต้อง เป็นข่าวปลอม

ซึ่งโพสต์ดังกล่าวระบุว่าผู้ที่มีสิทธิรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ตามโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs จำนวน 3,000 บาท คือ ลูกจ้าง เป็นระยะเวลา 3 เดือน

ซึ่งในข้อเท็จจริงโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs เป็นการอุดหนุนเงินแก่ นายจ้าง ภาคเอกชนที่อยู่ในระบบประกันสังคม

(ฐานข้อมูลประกันสังคม ม.33 สถานะ Active) ที่มีลูกจ้างรวมทุกสาขาไม่เกิน 200 คน ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2564 เพื่อรักษาการจ้างงาน

และฟื้นฟูกิจการของนายจ้าง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเปิดให้นายจ้างลงทะเบียนในระยะที่ 2 วันที่ 23 พ.ย. 20 ธ.ค. 64

โดยการลงทะเบียนในระยะที่ 2 นี้นายจ้างจะได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลในอัตรา 3,000 บาท เป็นระยะเวลา 2 เดือน คือ เดือน ธ.ค. 64 และเดือน ม.ค. 65

ซึ่งหากนายจ้างส่งเอกสารครบถ้วนภายในวันที่ 23 พ.ย. 20 ธ.ค. 64 จะได้รับเงินอุดหนุนงวดแรกวันที่ 30 ธ.ค. 64

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมการจัดหางาน สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://www.doe.go.th/prd/main หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694

บทสรุปของเรื่องนี้คือ โครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs เป็นการอุดหนุนเงินแก่ นายจ้าง ภาคเอกชนที่อยู่ในระบบประกันสังคม

ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเปิดให้นายจ้างลงทะเบียนในระยะที่ 2 วันที่ 23 พ.ย. 20 ธ.ค. 64 โดยนายจ้างจะได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลในอัตรา 3,000 บาท เป็นระยะเวลา 2 เดือน คือ เดือน ธ.ค. 64 และเดือน ม.ค. 65

หน่วยงานที่ตรวจสอบ กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ