เพื่อนบ้าน เผยนิสัยที่แท้จริงตาเที่ยง

เพื่อนบ้าน เผยนิสัยที่แท้จริงตาเที่ยง

จากกรณีคุณตาเที่ยง อายุ 80 ปี ชาวตำบลสะแกซำ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ เข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดให้ช่วยเหลือ โดยคุณตาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อปี 2557 หลังจากภรรยาได้จากไปแล้ว ก็เกิดปัญหาภายในครอบครัวเรื่องที่ดินมรดกที่เป็นชื่อของภรรยา โดยอ้างว่าหลังจากแบ่งสันปันส่วนโอนให้ลูกทั้ง 6 คนแล้ว ลูกก็ไม่เหลียวแลและโดนไล่ออกจากบ้าน จนต้องไปปลูกกระต๊อบเล็ก ๆ อาศัยอยู่คนเดียว

กระทั่งล่าสุดตาเที่ยง ผู้เป็นพ่อจะสูบน้ำออกเพื่อจับปลาในสระไปขาย แต่กลับถูกบุตรว่าห้ามไม่ให้สูบ โดยบอกว่าพ่อไม่มีสิทธิ์เพราะสระและที่ดินดังกล่าวเป็นของบุตร จนเกิดการโต้เถียงกัน ถึงขั้นต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปช่วยเจรจาไกล่เกลี่ย ทำให้บุตรไม่พอใจจึงได้ตัดน้ำตัดไฟออกจากกระต๊อบที่พ่อปลูกอาศัยอยู่ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ด้าน นางหน่อง (นามสมมติ) ลูกสะใภ้ของลตาเที่ยง ซึ่งแต่งงานกับลูกชายคนที่ 2 ของตาเที่ยง เปิดเผยว่า ตอนนี้ลูกของลุงทุกคนไปทำงานต่างจังหวัด ลูก ๆ ไม่ได้ทอดทิ้งพ่อแต่อย่างใด ซึ่งตนเองเป็นสะใภ้นั้นก็พยายามดูแล คอยส่งข้าวส่งน้ำอยู่ตลอด โดยเรื่องที่ดินนั้นลูกก็มีการทำพินัยกรรมไว้ตั้งแต่แม่ยังไม่เสียชีวิต

ส่วนสาเหตุที่พ่อออกไปอยู่คนเดียวนั้น เพราะเคยพูดว่าอยู่กับใครไม่ได้ อยากอยู่ตามประสาคนแก่ และล่าสุดลูกชายคนเล็กก็ห้ามสูบน้ำออกจากสระน้ำ เพราะกลัวว่าพ่ออาจจะเป็นลมตกลงไปในสระน้ำ

ส่วนกรณีที่บุตร บอกว่าตนชอบเอาเงินไปให้ผู้หญิงนั้น ไม่เป็นความจริง ตนจะหาเงินจากไหนไปให้ผู้หญิงอีกทั้งตนก็อายุเยอะมากแล้วด้วย ยอมรับว่ารู้สึกน้อยใจบุตร เพราะตนให้ลูกทุกสิ่งแต่พอตนแก่กลับมาทำกับแบบนี้ สุดท้ายไม่ขอพูดอะไรกับบุตร เพราะให้อภัยบุตรมาหลายครั้ง แต่ก็ยังโดนไล่ออกจากบ้านถึง 2 ครั้ง เชื่อว่าหากบุตรเสียใจจริงคงไม่ทำแบบนี้

นอกจากนี้ นางพิมพ์ (นามสมมติ) เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า บุตรของตาเที่ยงดูแลพ่อตัวเองดีทุกคน แต่ตาเที่ยงเป็นคนเอาแต่ใจ ซึ่งบุตร ก็ไม่เคยไล่ แต่ครั้งนี้เกิดเรื่องเพราะตาเที่ยงทนไม่ไหวที่บุตรไม่ให้สูบน้ำออก เพราะกลัวแกเป็นลม

นิสัยใจคอของตาเที่ยงเท่าที่เห็นเป็นคนขี้โมโห อยู่กับใครก็ไม่ได้ โดยคนในหมู่บ้านรู้นิสัยดีว่าเป็นอย่างไร ส่วนปัญหาที่ดินตนพอทราบว่ามีปัญหากับบุตร มาโดยตลอด ซึ่งมรดกที่ดินดังกล่าวไม่ใช่ที่ดินของตาเที่ยง แต่เป็นที่ดินของภรรยา

ขอบคุณ ทุบโต๊ะข่าว

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ