อาลัยครูนักบุญ ผู้ที่เคยช่วย เด็กกำพร้าพิการ ทุ่มชีวิต ฝ่าฝุ่นลุยโคลน เพื่อสอนเด็กบนดอย

อาลัยครูนักบุญ ผู้ที่เคยช่วย เด็กกำพร้าพิการ ทุ่มชีวิต ฝ่าฝุ่นลุยโคลน เพื่อสอนเด็กบนดอย

วันที่ 15 เมษายน มีรายงานว่า ที่ สุสานบ้านขุนแปะ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ มีพิธีฝังศพครูนักบุญ นายประสิทธิ์ โศจิอรุณ หรือศรัญ อายุ 32 ปี ข้าราชการซี7 โรงเรียนบ้านขุนตื่น ตำบลสบโขง อำเภออมก๋อย เมื่อวันที่ 14 เมษายน ที่ผ่านมา

นางทวิพร โศจิอรุณ อายุ 33 ปี ภรรยาของครูศรัญ กล่าวว่า พวกเราแต่งงานกันและมีลูกสาว 1 คน อายุ 4 ขวบ ตามปกติสามีจะขี่รถจักรยานยนต์จากบ้านในตัว อ.อมก๋อย ไปสอนหนังสือที่โรงเรียนบ้านขุนตื่น ซึ่งตั้งอยู่บนดอยสูง เป็นถนนลูกรังช่วงหน้าร้อนจะเป็นฝุ่น ช่วงหน้าฝนถนนจะเต็มไปด้วยโคลนไปเช้าเย็นกลับมาเป็นเวลาหลายปี

ต่อมาระยะหลังสามีป่วยไม่สบายมีอาการไอตลอดเวลา เมื่อบอกให้ไปโรงพยาบาล แต่สามีไม่ยอมไป เนื่องจากติดภาระเกี่ยวกับหน้าที่สอนหนังสือและใกล้ปิดเทอม

กระทั่งเมื่อช่วงต้นเดือนเมษยนที่ผ่านมา สามีเจ็บหน้าอกหายใจไม่ออก ได้ขี่รถจักรยานยนต์ไป รพ.อมก๋อย ทางโรงพยาบาลตรวจพบว่าปอดมีปัญหาและพักรักษาตัวอยู่หลายวัน ทาง รพ.อมก๋อย ส่งตัวเข้ารักษาต่อที่ รพ.จอมทอง อาการก็ยังหนักมาก และได้ส่งต่อเข้ารักษาที่ รพ.ลำพูน กระทั่งเสียชีวิต เมื่อวันที่ 13 เมษายน นางทวิพร กล่าว

นางทวิพร กล่าวต่อว่า ช่วงที่สามีป่วยหนักพยายามจะนำตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลชื่อดังในตัวเมืองเชียงใหม่ แต่ละโรงพยาบาลไม่มีห้องว่างเลย ประกอบกับเป็นช่วงที่ Covid 19 ระบาดหนัก กังวลว่าสามีอาจจะติดเชื้อโควิด แต่จากผลตรวจของทางโรงพยาบาลพบว่าไม่ได้ติดเชื้อโควิดแต่อย่างใด

ด้านเพื่อนครู เผยว่า ครูศรัญ ได้สร้างความดีงาม ความประทับใจให้กับครู นักเรียน และโรงเรียน ครูศรัญ ได้ทำตามสิ่งที่รัก ได้ทำตามหน้าที่ของครูได้สมบูรณ์ ขอให้ดวงวิญญาณของครูไปสู่สุขคติ

สำหรับ ครูศรัญ เป็น ครูนักบุญ รักอาชีพครูดอยเป็นอย่างมาก เป็นที่รักของเพื่อนร่วมอาชีพและบรรดานักเรียน เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2562 ครูศรัญ เป็นครูอีกคนหนึ่ง ที่มีบทบาทวิงวอนผู้ใจบุญยื่นมือเข้าช่วยเหลือนักเรียน คือ ด.ญ.ปิยะพร วัย 5 ขวบ ชั้นอนุบาล 1 ของโรงเรียนบ้านขุนตื่น เป็นเด็กกำพร้า พิการถูกไฟไหม้ข้อมือขวาขาด อาศัยอยู่กับยายมีฐานะยากจน

ซึ่งได้มีผู้ใจบุญยื่นมือเข้าช่วยเหลือและความเป็นอยู่ดีขึ้น ตามคำร้องขอของครูศรัญ

ขอบคุณ chiangmainews

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ