แนะอย่ารีบขาย ทองราคาพุ่ง สถิติใหม่

แนะอย่ารีบขาย ทองราคาพุ่ง สถิติใหม่

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 23 เมษายน มีรายงานว่า ราคาทองคำปรับขึ้นทำสถิติใหม่สูงสุดในรอบ 7 ปี โดยราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ครั้งที่ 5 ราคาทองคำแท่งขายออกที่บาทละ 26,300 บาท รับซื้อ 26,100 บาท ทองรูปพรรณ ขายออกที่ 26,800 บาท รับซื้อที่ 25,635.56 บาท ซึ่งทุบสถิติจากเมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา ราคาทองคำแท่งขายออกที่บาทละ 26,250 บาท รับซื้อ 26,050 บาท ทองรูปพรรณ ขายออกที่ 26,750 บาท รับซื้อที่ 25,574.92 บาท

นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประธานบริหาร บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า การปรับขึ้นของราคาทองคำในรอบนี้เป็นผลจากในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา รัฐบาลทุกประเทศต่างอนุมัติงบช่วยเหลือ จากสถานการณ์ Covid

โดยเฉพาะล่าสุดตลาดน้ำมันมีความผันผวนและติดลบอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน เป็นผลให้รัฐบาลกลางสหรัฐ หรือเฟด ประกาศเดินหน้าทำ อินฟินิตี้ คิวอี หรือพิมพ์เงินไม่อั้นเข้าสู่ระบบเศรฐกิจ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า เฮลิคอปเตอร์ มันนี่ หรือเป็นการโปรยเงินเพื่อช่วยเศรษฐกิจให้ได้ เพราะสถานการณ์ Covid ในอเมริกาขณะนี้มีผู้เป็น Covid

อย่างไรก็ดีเป็นการช่วยพยุงเศรษฐกิจได้เพียงในระยะสั้นๆ 1-2 เดือนเท่านั้น แต่ในระยะยาวมีโอกาสที่อดมริกาจะต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อสูงมาก ซึ่งเป็นผลจากการพิมพ์เงินเข้าสู่ระบบเป็นจำนวนมหาศาลและเป็นเหตุผลทำให้ราคาทองคำปรับสูงขึ้น

จะสังเกตว่าปัจจุบันไม่เฉพาะราคาทองคำที่ปรับสูงขึ้น แต่ตลาดหุ้นสหรัฐก็ปรับขึ้นตามก้วยต่างจากในอดีตที่สวนทางกัน ซึ่งเป็นผลมาจากเงินที่เฟดอัดฉีดเข้ามาในระบบสูงมาก และไหลเข้าไปในตลาดหุ้นและทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย

นายณัฐพงศ์ กล่าวว่า เอ็มทีเอส มีมุมมองต่อตลาดทองคำว่ายังเป็นช่วงขาขึ้น หรือตลาดกระทิง โดยยังมีโอกาสปรับขึ้นได้อีก และเร็วๆ นี้ มีโอกาสเห็นขึ้นไปแตะที่ระดับ 27,000 บาทต่อบาททองคำ ภายในไตรมาส 2 ถึง ต้นไตรมาส 3 ปีนี้ ดังนั้นคำแนะนำนักลงทุนอย่าเพิ่งรีบขาย เนื่องจากราคายังปรับขึ้นได้อีกมาก และสำหรับผู้ที่จะซื้อลงทุน รอให้ราคาย่อตัวลงมาที่บริเวณ 25,500 บาท จึงเป็นจังหวะเข้าซื้อ

แต่อย่างไรก็ดีไม่แน่ใจว่าจะได้เห็นในเร็วๆนี้ หรือไม่ เพราะรอบที่แล้วที่ราคาปรับขึ้นแรง ก่อนจะอ่อนตัวลงมาได้เพียงสัปดาห์เดียวก็ปรับขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่

ประเทศไทยทำตรงข้ามกับกับอเมริกา คือคนอเมริกาซื้อทองเก็บ ส่วนบ้านเราขายทอง เพราะไม่มีเงินจะใช้

ที่มา khaosod

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ