จากกรณีที่ประชุม ศบค โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธานการประชุม มีมติผ่อนปรนให้เปิดร้านอาหารขนาดเล็กที่ไม่ติดแอร์ ร้านเสริมสวย ร้านตัดผม ตลาดนัด และห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศได้ เริ่มวันที่ 4 พฤษภาคมนี้ ซึ่งจะมีรูปแบบกำหนดให้ว่า หากเปิดกิจการ จะเป็นการทยอยปลดล็อกไปทีละขั้น ซึ่งจะมีการประเมินทุกๆ 14 วัน

ขณะที่สถานบันเทิงจะพิจารณาหลังจากกลุ่มที่ให้เปิดก่อนไปจนถึงเสี่ยงสูง โดยจะพิจารณาตามลำดับนั้น นายแพทย์ทวิศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค ระบุว่าจากการจัดระดับความเสี่ยง ทำให้จำแนกแบ่งสถานประกอบการแต่ละกลุ่มที่สามารถเปิดได้ และบางประเภทไม่สามารถเปิดดำเนินการได้โดยแบ่งเป็น 4 สีดังนี้

กลุ่มธุรกิจสีขาว คือ กลุ่มธุรกิจที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน เช่น ร้านค้าขนาดเล็ก ร้านอาหารที่เปิดในพื้นที่โล่งแจ้ง สวนสาธารณะ มีลักษณะเป็นหาบเร่ แผงลอย หรือไม่มีหน้าร้านเป็นหลักแหล่ง คาดว่าจะเริ่มเปิดได้ในวันที่ 4 พฤษภาคมนี้

กลุ่มธุรกิจสีเขียว คือกลุ่มความเสี่ยงต่ำ เช่น ร้านขนาดเล็ก ติดแอร์ หรือ ไม่ติดแอร์ พื้นที่ไม่มาก ไม่มีการสัมผัสตัว เช่น ร้านขายหนังสือ ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายของทั่วไป ร้านขายวัสดุก่อสร้าง สวนสาธารณะ สนามออกกำลังกายกลางแจ้ง ลานกีฬา เช่น สนามเทนนิส คาดว่าจะเปิดให้บริการได้วันที่ 18 พฤษภาคมนี้

กลุ่มธุรกิจสีเหลือง คือกลุ่มความเสี่ยงปานกลาง แยกเป็น สถานที่รวมร้านค้าขนาดเล็ก เช่น ตลาดสด ตลาดนัด ตลาดอาหาร ฟู้ดเซ็นเตอร์ และ สถานประกอบการขนาดใหญ่ เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าโมเดิร์นเทรด คอมมูนิตี้มอลล์ ร้านตัดผม คลินิกเสริมความงาม คลินิกทำฟัน สนามแบดมินตัน สระว่ายน้ำ เป็นต้น คาดว่าจะเปิดได้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2563

และกลุ่มธุรกิจสีแดง คือกลุ่มความเสี่ยงสูง เช่น ร้านเกมส์ ร้านอินเตอรเน็ต โรงภาพยนตร์ โรงละคร โรงมหรสพอื่น ร้านนวด ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ สถาบันกวดวิชา สนามกีฬา ผับ บาร์คาราโอเกะ สนามมวย โรงสอนมวย สนามกีฬาในห้องแอร์ โดยมติดังกล่าวของ ศบค จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเสียก่อน จึงจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ มติดังกล่าวของ ศบค. จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเสียก่อน จึงจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ