ยังเจ็บช้ำไม่พอใช่ไหม แม่น้องชมพู่ ถูกกล่าวหาได้เงินบริจาคเป็นล้าน จากวันที่น้องหายไป ทั้งที่ไม่เป็นความจริง

ยังเจ็บช้ำไม่พอใช่ไหม แม่น้องชมพู่ ถูกกล่าวหาได้เงินบริจาคเป็นล้าน จากวันที่น้องหายไป ทั้งที่ไม่เป็นความจริง

จากกรณีของ น้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบหายตัวไป เจ้าหน้าที่และชาวบ้านปูพรมหาไม่เจอ สุดท้ายพบน้องเสียชีวิต 4 วันแบบแปลกๆ มีการตรวจพิสูจน์ศพ ไม่มีร่องรอยการถูกข่มขืน ร่องรอยถูกทำร้ายแทบไม่มี ครอบครัวคิดว่าเรื่องนี้ยังมีเงื่อนงำ

ภายหลังผลตรวจทางนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจสรุปออกมาว่าร่างของ น้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ มีรอยบาดแผลจากการถูกทำร้ายและบริเวณช่องคลอดพบของเหลวบางอย่าง โดยทางแพทย์ต้องนำเข้าสู่กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อตรวจพิสูจน์ว่าของเหลวดังกล่าวเป็นอสุจิหรือไม่ และบาดแผลที่พบเกิดจากวัสดุประเภทใด คาดใช้เวลาประมาณ 30 วันจะทราบผล

อย่างไรก็ตาม ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็แทรกเข้ามาทันที มีประเด็นซุบซิบในชุมชนท้องถิ่นบ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นบ้านที่ครอบครัวน้องชมพู่พักอาศัยอยู่ว่า เหตุการณ์ข่าวการหายตัวไปของน้องชมพู่ ต้องระดมกำลังค้นหากันหลายวัน

สุดท้ายพบเป็นศพกลางป่าภูเหล็กไฟนั้น ได้มีชาวโซเชียลสงสารครอบครัวของน้องชมพู่ จนนำไปสู่การขอร่วมทำบุญกันเป็นจำนวนมาก ถึงขั้นมีเสียงซุบซิบว่าแม่ของน้องชมพู่เปิดรับบริจาค มีเงินโอนเข้าบัญชีนับล้านบาท

ล่าสุด นางสาวิตรี วงศ์สีชา แม่ของน้องชมพู่ ได้ออกมาอธิบายในประเด็นนี้ว่า เรื่องของการบริจาคนั้นไม่เป็นความจริง ส่วนเรื่องการโอนเงินนั้นมีจริง เพราะมีคนโทรศัพท์มาขอเลขที่บัญชีเพื่อช่วยทำบุญ โดยเงินช่วยทำบุญตั้งแต่วันที่ออกค้นหาเรื่อยมาจนถึงวันนี้รวมเงินแล้วประมาณ 50,000 กว่าบาทเท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีการเข้าใจผิด เพราะมีบางคนนำเอาภาพการนั่งกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวไปขึ้นโพสต์แล้วบอกเหมือนกับว่าพวกตนกินเลี้ยงฉลองที่ได้รับเงินบริจาคเยอะ ซึ่งไม่เป็นความจริง ทุกวันนี้ตนและสามียังคิดถึงน้องชมพู่อยู่ตลอดเวลา

นางสาวิตรี กล่าวอีกว่า ในส่วนผลการพิสูจน์ร่างของน้องชมพู่นั้น รอบนี้ถือว่าเป็นที่พอใจเป็นอย่างมากเพราะได้หลักฐานมากขึ้นและเชื่อว่าจะเป็นหลักฐานมัดตัวคนร้าย สำหรับพิธีฌาปนกิจศพน้องชมพู่นั้นต้องรอคุยกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง

หากตำรวจบอกว่าได้หลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีต่อคนร้ายได้แล้ว พวกตนก็จะกำหนดเผาลูกทันที เพราะน้องชมพู่ถูกผ่าร่างมาแล้ว 2-3 ครั้ง สงสารลูก

ในส่วนของผู้ต้องสงสัยน่าจะเป็นคนในพื้นที่มากกว่าคนมาจากที่อื่น เพราะถ้าเป็นคนจากที่อื่นไม่น่าจะพาน้องขึ้นไปบนเขาเข้าไปในป่าภูเหล็กไฟได้

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ