ชายต้องสงสัยคดีน้องชมพู่ เหลือแค่ 2 คน ทั้งคู่มีร่องรอยถูกหยิก 1 ในนั้นมีคลิปในโทรศัพท์มือถือ

ชายต้องสงสัยคดีน้องชมพู่ เหลือแค่ 2 คน ทั้งคู่มีร่องรอยถูกหยิก 1 ในนั้นมีคลิปในโทรศัพท์มือถือ

จากกรณีโลกออนไลน์ประกาศช่วยกันตามหาน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบซึ่งหายตัวไปจากบ้าน พ่อแม่ร้อนใจหนัก และเจ้าหน้าที่ได้ระดมพลกว่า 200 คนเพื่อตามหาเด็กที่หายไป ชื่อเด็กหญิง อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ น้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ กระทั่งต่อมาพบว่าเรื่องเศร้าเมื่อได้พบร่างอันไร้วิญญาณของน้องชมพู่

กระทั่ง รอง ผบก.จังหวัดมุกดาหาร เผยผลตรวจชันสูตรน้องชมพู่ จากทีมแพทย์นิติเวช รพ.สรรพสิทธิประสงค์ ไม่พบร่องรอยถูกล่วงละเมิด หลังจากนี้จะตัดชิ้นส่วนกระเพาะไปตรวจเพื่อหาสารพิษในร่างกายต่อไป โดย แพทย์นิติเวช รพ.สรรพสิทธิประสงค์ ยืนยันว่าไม่พบร่องรอยการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ไม่พบสารคัดหลั่งของบุคคลอื่นในร่างกาย กระดูกปกติ สมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือน เบื้องต้นแพทย์สันนิษฐานว่า ลำไส้เล็กมีการรัดตัว เกิดจากภาวะขาดอาหาร

แต่ทว่าแม่ของน้องชมพู่เกิดเอะใจไม่ยอมเผาศพลูกสาว และส่งร่างตรวจชันสูตรอีกครั้ง จึงทำให้ล่าสุด แพทย์นิติเวชตำรวจพบ บาดแผลที่อวัยวะเพศและร่องรอยทำร้ายร่างกายบนตัว น้องชมพู่ ซึ่งแพทย์เก็บของเหลวช่องคลอดเพื่อตรวจอสุจิมัดตัวคนร้าย

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สอบสวนกระชับขึ้นเหลือเพียง 2 คน โดย 2 คนนี้เจ้าหน้าที่เคยนำตัวมาสอบปากคำแล้ว แต่การให้ปากคำของเจ้าตัวน่าสงสัยในหลายเรื่อง หนึ่งคนเป็นคนที่ทำหน้าที่เก็บของป่า ตัดต้นไม้ จากการสอบปากคำบางครั้งมีการจับผิดได้ว่าเจ้าตัวมีการโกหกกับทางตำรวจด้วย และอีกหนึ่งคนเคยมีประวัติเกี่ยวกับคดีทางเพศ รวมถึงมีความหมกหมุ่นทางจิตเกี่ยวกับเรื่องเพศ และเป็นเพียงคนเดียวใน 7 คนที่มีคลิปลามกไว้ในโทรศัพท์มือถือจำนวนมาก

ขณะที่การตรวจร่างกายของ 2 คนที่เป็นผู้ต้องสงสัย มีร่องรอยคล้ายกับถูกหยิก ซึ่งเจ้าตัวก็อ้างว่าเป็นร่องรอยที่เข้าไปหาของในป่าแล้วโดนกิ่งไม้บาด ซึ่งตำรวจไม่ได้ปักใจเชื่อคำให้การนี้มากนัก โดยมีการตรวจดีเอ็นเอไปเทียบเคียงกับพยานหลักฐานอื่นๆ ที่เก็บได้จากศพของน้องชมพู่แล้ว

เวลานี้ตำรวจมีตัวผู้ต้องสงสัยหลักแล้วอยู่ 1 คน แต่อุปสรรคของคดีนี้ คือ หลักฐานที่จะไปเชื่อมโยงตัวผู้ต้องสงสัยรายนี้ เพราะการสอบปากคำพยานเพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถนำไปสู่การออกหมายจับได้ ต้องอาศัยหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในร่างกายศพ คือ การตรวจดีเอ็นเอที่จะนำไปเทียบเคียงกับตัวผู้ต้องสงสัย แต่ระยะเวลาที่ศพจะเดินทางไปถึงสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ นั้นก็ล่วงเลยมาหลายวันแล้ว ทำให้ร่างกายเปลี่ยนสภาพ และหลักฐานบางอย่างหายไป ทำให้ต้องมีการตรวจอย่างละเอียดที่สุด เพื่อให้สามารถมัดตัวผู้ต้องสงสัยได้

ตอนนี้การตรวจสอบสภาพดีเอ็นเอภายในศพน้องชมพู่นั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงการตรวจพิสูจน์หลักฐานจากสำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลางที่จะนำมาประกอบกัน ทำให้ต้องอาศัยระยะเวลาสักพักหนึ่งก่อน ซึ่งหากทั้งสองอย่างตรงกันแล้ว คาดว่าจะสามารถออกหมายจับผู้ต้องหารายนี้ได้อย่างแน่นอน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ