1 ใน 3 เพื่อนชาย สาวม.6 ยอมเปิดปากรับสารภาพ ผู้เป็นแม่ลั่นสะเทือนใจมาก

1 ใน 3 เพื่อนชาย สาวม.6 ยอมเปิดปากรับสารภาพ ผู้เป็นแม่ลั่นสะเทือนใจมาก

สืบเนื่องจากกรณีที่นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนมัธยมชื่อดังใน จ.กาญจนบุรี เสียชีวิตปริศนา โดยพ่อแม่เชื่อว่าลูกถูกลวงไปมอมยาจนช็อกเสียชีวิต ขณะที่เพื่อนชายไม่ใยดีปล่อยศพไว้ที่โซฟาหน้าบ้านของตัวเอง ซึ่งครอบครัวเชื่อว่าลูกสาวถูกมอมยาจนเสียชีวิต กระทั่งต่อมา มีรายงานผลการชันสูตรเบื้องต้นของร่าง นักเรียนชั้น ม.6 คนดังกล่าว ซึ่งแพทย์ลงความเห็นสาเหตุการเสียชีวิตว่า เกิดจากระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว และยังได้เก็บตัวอย่างปัสสาวะของผู้ที่เกี่ยวข้องไปตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 5 (สมุทรสงคราม) เพื่อตรวจหาสารเสพติดและยืนยันผลต่อพนักงานสอบสวน เพื่อนำมารวบรวมพยานหลักฐานประกอบสำนวนสอบสวนต่อไป

ขอแสดงความเสียใจ

ขณะเดียวกัน ไทม์ไลน์บนเฟซบุ๊กของ สาวนักเรียนชั้น ม.6 ผู้เสียชีวิต มีรายละเอียดคร่าว ๆ ดังนี้…

วันที่ 10 พฤศจิกายน 2562 เวลา 00.41 น. มีการไลฟ์เฟซบุ๊กอยู่ในงานปาร์ตี้วันเกิด มีผู้ร่วมงานเป็นผู้หญิง ประมาณ 10-15 คน

ภาพจาก amarintv

วันที่ 12 มกราคม 2563 เวลา 23.48 น. มีการไลฟ์เฟซบุ๊กบรรยากาศคล้ายเป็นงานปาร์ตี้วันเกิดเพื่อนอีกครั้ง

วันที่ 19 พฤษภาคม 2563 เวลา 07.46 น. มีการโพสต์ข้อความว่า “เป็นไงละดื้อดีนักกูเนี่ย ไม่เคยรักตัวเอง ใครพูดไม่ฟัง เป็นไงเกือบตายเลยกู โดยมีเพื่อนเข้ามาคอมเมนต์ว่า บ้ายามากไง

วันที่ 19 พฤษภาคม 2563 เวลา 14.07 น. มีการแชร์ภาพจากเพจ เป็นผู้หญิงทำท่าลักษณะคล้ายกำลังเสพยาเสพติด ที่มีข้อความในภาพว่า เติมตลอด ปอดวิเศษ

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำเพื่อนชายในงานปาร์ตี้ 3 คน คือ นายพัฒน์ นายเต๋า และนายธีย์ ซึ่ง 1 ใน 3 คนนี้ ยอมรับสารภาพว่ามีเพศสัมพันธ์กับผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจเจอถุงยางอนามัยที่ผ่านการใช้งานแล้วในบ่อเกรอะ ภายในบ้านที่พบศพ

ภาพจาก amarintv

ด้านครอบครัวของผู้เสียชีวิต เผยว่า ลูกสาวไม่ได้เป็นฝ่ายออกไปหาผู้ชาย แต่มีรถเก๋งสีดำขับมารับ ส่วนการให้ข่าวว่าลูกสาวเสพสารเสพติด ทำให้คนเป็นพ่อเป็นแม่สะเทือนใจมาก ตอนนี้ยังไม่รู้ถึงผลการเสียชีวิตที่แน่ชัด ตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จึงไม่ทราบอะไรมากนัก รวมไปถึงการที่ลูกจะไปไหน กลับเมื่อไร เขาเพียงแต่บอกให้ทราบเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม จากพยานหลักฐานข้างต้น เจ้าหน้าที่คาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ถึงจะรู้ผล

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ