แม่น้องชมพู่ อาการออก หลังตำรวจบุกค้นญาติสามี

แม่น้องชมพู่ อาการออก หลังตำรวจบุกค้นญาติสามี

เรียกว่ายังตามกันต่อเนื่องสำหรับกรณีของ การหายตัวของ เด็กหญิงอรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ น้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพัก หมู่ 2 บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. 63 จนกระทั่งพบศพอยู่กลางป่าบนภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 4-5 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่เร่งเก็บหลักฐานหาตัวคนร้าย ซึ่งคาดว่าเป็นคนในหมู่บ้าน และจากคำกล่าวอ้างจากพยานพบจักรยานยนต์สีบรอนซ์-ดำ เป็นผู้ต้องสงสัย

ขอแสดงความเสียใจ

ล่าสุดนายบุญทัน เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ 11 พ.ค.63 ตนได้โทรศัพท์คุยกับนายพิศนุพรจริง น่าจะประมาณ 09.00 น. ตอนนั้นตนยังไม่รู้เลยว่าน้องชมพู่หาย แต่จากนั้นจำเวลาไม่ได้ ตนเริ่มเห็นคนเดินในหมู่บ้านเยอะ จึงเข้าไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น และได้ทราบว่าน้องชมพู่หายตัวไป และในช่วงตามหาน่าจะหลัง 10.00 น. ตนเองก็เจอนายพิศนุพร และคนก็เริ่มมาเยอะขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมีคนจากบ้านกกตูมมาหาช่วย ซึ่งตนก็ตามหาน้องชมพู่ตั้งแต่ตอนนั้น จนถึง 15.00 น. ก็กลับบ้าน ตนยืนยันว่าช่วงน้องหายนายพิศนุพรได้ออกตามหาจริง

โดยส่วนตัวตนก็สนิทกับพิศนุพร เพราะนายพิศนุพรก็เป็นเหมือนลูกหลาน ส่วนคนที่สงสัยนายพิศนุพร ตนคิดว่านายพิศนุพรไม่เกี่ยวข้อง เพราะความจริงก็คือความจริง

ทีมข่าวได้เดินทางไปบ้านอีกหลังที่ถูกตำรวจตรวจค้นภายในหมู่บ้านมะนาว ได้พบกับ น.ส.นัน (นามสมมติ) อายุ 19 ปี ภรรยาของนายอ้วน ชายอีกคนที่ถูกตำรวจเชิญไปสอบปากคำ โดยเจ้าตัวเปิดเผยว่า วันนี้ตำรวจได้เชิญสามีไปสอบปากคำเรื่องน้องชมพู่

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 10 พ.ค.63 สามีอยู่บ้านเลี้ยงลูก นอนเล่นเกมตลอดทั้งวัน กระทั่งเวลา 17.00 น. สามีได้เดินทางขึ้นป่าที่เขาภูขนุน โดยไปหาของป่า ซึ่งภูขนุนไม่ได้เชื่อมกับภูเหล็กไฟ เพราะเป็นเขาคนละลูกกัน รวมถึงมีระยะห่างกันที่ค่อนข้างไกล

จากนั้นกลับออกจากป่าในวันที่ 11 พ.ค.63 ในเวลา 09.00-10.00 น. ซึ่งกลับมาถึงบ้านสามีก็รู้ว่าน้องชมพู่หายไป เพราะชาวบ้านพูดคุยกัน แต่สามีก็ไม่ได้ไปออกตามหา เพราะรู้สึกเหน็ดเหนื่อย หลังจากนั้นเขาก็อาบน้ำและนอนพัก ตื่นมาเลี้ยงลูก แต่ก็ไม่ได้ออกจากบ้านเลย ส่วนในวันที่ 12 พ.ค.63 สามีอยู่บ้านตลอดทั้งวัน คอยติดตามข่าวจากคนในหมู่บ้านและไม่ได้ออกไปช่วยตามหา

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ารู้สึกกังวลที่สามีถูกเชิญตัวไปสอบปากคำ รวมถึงรู้สึกตกใจและขอยืนยันว่าสามีไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะแม้แต่บ้านของน้องชมพู่ สามีตนก็ไม่รู้จัก

ได้เดินทางไปบ้านหลังที่ 3 ที่ถูกตำรวจตรวจค้นภายในหมู่บ้านมะนาว ได้พบกับ นายไพโรจน์ (สงวนนามสกุล) ชาวบ้านมะนาวที่ถูกตำรวจเชิญไปสอบปากคำ เปิดเผยว่า ตนถูกตำรวจเชิญไปสอบถามข้อมูล เนื่องจากตนมีศักดิ์เป็นพ่อสื่อให้กับพ่อน้องชมพู่ ซึ่งตำรวจได้สอบถามความคิดเห็นของตนว่า ใครเป็นคนฆ่า ซึ่งตนก็ตอบไปตามข้อมูลต่าง ๆ ตนคิดว่าคนร้ายจะต้องเป็นคนในชุมชน เนื่องจากมีความชำนาญเรื่องพื้นที่เส้นทาง รู้จักภูมิประเทศที่สลับซับซ้อน แต่ตนก็ไม่รู้ว่าคนร้ายจะเป็นใคร

ย้อนกลับไปในวันที่ 10 พ.ค.63 ในวันนั้นตนอยู่ที่บ้าน เวลา 08.00-09.00 น. ไปไร่ไปนาใช้ชีวิตตาม และกลับมาที่บ้านประมาณ 17.00 น. และอยู่บ้านตลอด ส่วนในวันที่ 11 พ.ค.63 ที่เป็นวันเกิดเหตุนั้น ช่วงเช้าตนอยู่บ้าน เมื่อกินข้าวเสร็จก็ขับรถเข้าไปในอำเภอดงหลวง เพื่อซื้อข้าวสาร และกลับมาบ้านช่วงบ่าย แต่จำเวลาไม่ได้ ในวันที่ 12 พ.ค.63 ช่วงเช้าตนอยู่บ้าน กระทั่งออกไปซื้อข้าวสารที่ในอำเภอดงหลวง กลับมาที่บ้านช่วงบ่าย แต่จำเวลาไม่ได้ และนอนพักตลอดทั้งวัน

อย่างไรก็ตาม ตนไม่รู้สึกกังวลที่ตำรวจเชิญตนไปพูดคุย อีกทั้งตนก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ เพราะตนก็อยากรู้ว่าหน้าตาของคนร้ายเป็นอย่างไร ทำไมถึงจิตใจโหดร้ายขนาดนี้ที่ทำกับเด็กไร้เดียงสาได้

ที่หมู่บ้านมะนาว ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ไปยังบ้านของนางดนตรี ซึ่งเป็นบ้านที่ตำรวจใช้หมายค้นตรวจสอบบ้าน และทราบว่านายหา สามีของนางดนตรีถูกตำรวจเชิญไปสอบปากคำเกี่ยวกับเรื่องของน้องชมพู่

โดยนางดนตรี (นามสมมติ) ชาวบ้านหมู่บ้านมะนาว เปิดเผยว่า วันนี้สามีถูกเชิญตัวไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เพราะตำรวจคาดการณ์ว่าคดีของน้องชมพู่น่าจะเกี่ยวกับยาเสพติดด้วย ซึ่งย้อนกลับไปในวันที่ 10 พ.ค.63 นั้น สามีอยู่บ้านตลอดทั้งวัน โดยตื่นเช้ามากินข้าว กระทั่งเวลา 10.00 น. ก็ไปไร่ไปนา ซึ่งไปไม่ถึง 1 ชั่วโมง เขาก็กลับมาที่บ้านเพื่อเลี้ยงหลานและอยู่บ้านตลอดทั้งวัน ไม่ได้ออกไปไหนเลย

ในวันที่ 11 พ.ค.63 ที่น้องชมพู่หายไปนั้น สามีตื่นนึ่งข้าวประมาณ 06.00 น. กินข้าวและอยู่บ้านตลอดทั้งวัน และเดินไปบ้านลูกสาวที่อยู่ข้าง ๆ แต่ก็ไม่ออกนอกหมู่บ้าน กระทั่งเวลา 15.00 น. ตนและสามีออกไปซื้อกับข้าวในหมู่บ้าน ก็รู้ในช่วงนั้นว่าน้องชมพู่หายไปเพราะชาวบ้านพูดกัน สามีและตนจึงเดินทางไปที่บ้านของน้องชมพู่ ซึ่งเมื่อไปถึงก็มีหมอธรรมมานั่งทำนาย สามีและตนจึงนั่งดูฟังคำทำนายของหมอธรรม แต่ก็ไม่ได้ช่วยเดินตามหา เพราะสามีของตนเป็นโรคเก๊าท์ เดินไม่ไหว กระทั่งเวลา 18.00 น. ก็เดินทางกลับมาที่บ้านในหมู่บ้านมะนาว

ขณะในวันที่ 12 พ.ค.63 สามีเลี้ยงหลานตลอดทั้งวันและไม่ออกจากบ้านไปไหนเลย อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าตนรู้สึกกังวลที่สามีถูกเชิญไปสอบเพราะกลัวจะตกเป็นแพะรับบาป เพราะตนยืนยันว่าครอบครัวของตนใสสะอาดอยู่แล้ว ทั้งเรื่องยาเสพติดและเรื่องของน้องชมพู่

ต่อมาได้พูดคุยกับนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา อายุ 39 ปี โดยนางสาวิตรี ให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการตรวจค้นยาเสพติด 12 จุด ใน 3 หมู่บ้านนั้น ตนก็รู้สึกเป็นห่วงชาวบ้านที่ถูกค้นบ้านในเรื่องของยาเสพติดทั้ง 12 คน เพราะตนเกรงว่าชาวบ้านจะเดือดร้อนเพราะตน เนื่องจากเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจากคดีของชมพู่ลูกสาวตน ส่วนตัวแล้วตนก็ไม่ทราบมาก่อนว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะมีการตรวจค้นชาวบ้านในช่วงเช้านี้ ตนก็เพิ่งมารู้กับนักข่าว

ภาพจาก amarintv

ส่วนกรณีที่นายนริน ได้รับการประกันตัวนั้น ตนก็คิดว่าทุกคนก็มีสิทธิ์ในการปกป้องตัวเอง แต่ที่ตนแอบคิดในใจก็คือ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นกับคดีน้องชมพู่ แล้วทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนหรือไม่

ภาพจาก amarintv

พูดคุยกับนายไชย์พล โสภา ลุงของน้องชมพู่ เปิดเผยว่า สำหรับนายนริน ที่ได้รับการประกันตัวในคดีอนาจารนั้น ตนก็รู้สึกดีใจด้วยที่เขามีโอกาสได้รับการประกันตัวมาสู้คดี ซึ่งสำหรับคดีอนาจารนั้น ตนทราบข้อมูลเดิมว่าเป็นแค่เรื่องเด็กทะเลาะต่อยกันเท่านั้น ไม่เคยได้ยินเรื่องอนาจารมาก่อน และตนก็ไม่คิดว่าเขาจะถูกจับในคดีอนาจาร สำหรับนายนรินจะมีความเชื่อมโยงกับคดีน้องชมพู่หรือไม่นั้น ตนก็คิดขึ้นอยู่กับข้อมูลหลักฐานที่เจ้าหน้าที่เขาได้มา

สำหรับการที่ตำรวจตรวจค้น 12 จุด ในพื้นที่ของตำบลกกตูมนั้น ตนคิดว่าตำรวจน่าจะมุ่งเป้าไปทางคดียาเสพติด แต่ตนก็ไม่ทราบว่าจะมีการโยงไปในเรื่องคดีของน้องชมพู่ด้วยหรือไม่ ซึ่งตนคิดว่าตำรวจน่าจะมีข้อมูลบางอย่างที่ทำให้เกิดปฏิบัติการแบบนี้

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ