หนุ่มขับบิ๊กไบก์ยัน ทำทองมูลค่านับล้าน หล่นหายจริง

หนุ่มขับบิ๊กไบก์ยัน ทำทองมูลค่านับล้าน หล่นหายจริง

จากกรณีหนุ่มรายหนึ่ง ขับบิ๊กไบค์นำทองทองน้ำหนักรวมกว่า 45 บาท มุ่งหน้าไปขายที่กรุงเทพฯ ก่อนจะพบว่าทองได้หล่นหายไประหว่างทาง ล่าสุดนายวรวุฒิ สุวรรณสุข พร้อมภรรยา เข้าพบพ.ต.อ.ฐิติภัทร อินทรรักษ์ ผกก.สภ.นาเฉียง เพื่อให้ข้อมูลเรื่องที่ทำทอง จำนวน 45 บาท หล่นหายระหว่างขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ บนทางหลวงหมายเลข 21 แล้วเกิดทำหล่นหายระหว่างทางห้วยสะแก-บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์

โดยตัวนายวรวุฒิ เล่าว่า วันนั้นตนขี่รถจักรยานรยนต์บิ๊กไบก์ออกจากบ้านพร้อมกับทองคำ จำนวน 45 บาท เพื่อจะนำไปขายที่กรุงเทพฯ เพราะได้ราคาดีกว่าขายที่เพชรบูรณ์ บาทละ 2,000 บาท

แต่ระหว่างทางได้มีรถเก๋งสีขาว ยี่ห้อนิสสันมาส ตบไฟสูงใส่ตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร กระทั่งมารู้ตัวอีกที เมื่อถึงสี่แยกราหุล อำเภอบึงสามพัน พบว่าทำทองหล่นหาย จึงรีบขับรถย้อนกับมา เพราะมีความหวังว่าจะเจอทองและก็เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน

ผู้เสียหาย ยังเล่าให้ฟังอีกว่า ตนเห็นว่าช่วงนี้ราคาทองปรับตัวสูงขึ้น วันเกิดเหตุตั้งใจจะนำทองไปขายที่กรุงเทพฯ เพราะได้ราคาดีกว่า จึงนำทองใส่ในกระเป๋าเป้แล้วสะพายไว้ด้านหลัง โดยขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ที่เพิ่งจะซื้อมาได้เพียง 2 เดือน มาตามทางหลวงหมายเลข 21 สายสระบุรี-หล่มสัก โดยเริ่มตั้งแต่ตำบลห้วยสะแก อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ มารู้ตัวอีกทีว่าทองหล่นหายก็มาถึงพื้นที่อำเภอบึงสามพัน

&นอกจากนี้ ผู้เสียหาย ยังเผยข้อมูลว่า วันที่มาแจ้งความเอาไว้ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกตนว่า เจอทองแล้วมีคนติดต่อจะนำทองมาคืน โดยทางเจ้าหน้าที่ยังระบุว่ามีทองอยู่ในกล่อง 4-5 บาทใช่หรือไม่ ตนก็บอกไปว่ามีทองอยู่ในกล่อง จำนวน 45 บาท จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็บอกให้ตนรอสักพัก แล้วถึงจะเดินมาบอกกับตนว่าเป็นการเข้าใจผิด ยังไม่เจอทอง ตนก็รู้สึกแปลกใจว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ได้อย่างไร ว่าทองอยู่ในกล่อง ทั้งที่ตนเองยังไม่เคยบอกเลยว่าทองถูกใส่อยู่ในกล่อง

ด้านผู้กำกับการสภ.นาเฉลียงได้เรียกเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น รวมทั้งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เข้ามาสอบถามผู้เสียหาย พร้อมทั้งทำการตรวจสอบกระเป๋าเป้ของผู้เสียหาย พบว่ากระเป๋าเป้เป็นแบบซิปรูดปิด-เปิดโอกาสที่ซิปจะรูดเปิดออกนั้นค่อนข้างยาก

อย่างไรก็ดี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาเฉลียง จะตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่อย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมทั้งได้มีการประสานไปยัง สภ.หนองไผ่ ให้ช่วยตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อตรวจสอบว่าพบเห็นกล่องทองที่ผู้เสียหายแจ้งความเอาไว้ว่าหล่นหายจริงหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นตำรวจยืนยันว่ายังไม่มีใครแจ้งหรือติดต่อเข้ามาว่า พบกล่องทองที่หล่นหาย แล้วน่าจะเป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนกันมากกว่า

ขอบคุณ amarintv

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ