เมียลุงพลแฉซ้ำ วีรกรรมแม่น้องชมพู่ กระซิบบอกข้างหู ทำกับลูกได้ลง

เมียลุงพลแฉซ้ำ วีรกรรมแม่น้องชมพู่ กระซิบบอกข้างหู ทำกับลูกได้ลง

จากกรณี น้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หายจากบ้านใน อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม กระทั่งไปพบศพกลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 5 กิโลเมตร ขณะที่ตำรวจกำลังเร่งหาหลักฐานเพื่อตรวจหาดีเอ็นเอแฝง

แต่ผ่านไปเดือนกว่าแล้วก็ยังไม่สามารถคลี่คลายคดีได้ โดยหลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการคุมตัว นริน เชื้อคมตา วัย 48 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดมุกดาหาร ข้อหากระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี หลังพบว่ามีการก่อเหตุอนาจารเด็ก 5 ขวบ ที่เป็นหลานสาว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่น้องชมพู่จะเสียชีวิต

ล่าสุดวันที่ 11 พ.ค.63 เวลา 08.20 - 09.22 น. ลุงไชย์พลอยู่ที่สวนยาง โดยมีพยาน คือ แม่น้องชมพู่ ภรรยา และนางนลิน ส่วนเวลา 09.00 น. กลับมาถึงบ้าน โดยมีพยาน คือ ภรรยา และในเวลา 09.45 - 10.00 น. ออกจากบ้านไปภูผาแอก ระยะห่างจากบ้าน 2 กม. ใช้วเลา 15 นาที กระทั่งเวลา 10.00 - 10.20 น. ไปรับพระ และไปรับเพื่อน ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความเร็วในพื้นที่นี้ ใช้ความเร็วอยู่ราว 15-20 กม./ชม. โดยเฉพาะช่วงใกล้ถึงวัดจะเป็นทางลูกรัง จากนั้นลุงพลขับรถถึงวัด โดยจอดรถที่หน้าศาลาการเปรียญ ใช้เวลา 6.59 นาที

เมื่อขับรถไปเรื่อย ๆ ลุงไชย์พล ระบุว่า ในหมู่บ้านตนไม่แน่ใจว่าได้ทักใครบ้าง แต่ที่แน่ ๆ ตนจอดอยู่ตรงซุ้มประตูวัด จากนั้นก็ตะโกนออกไป โดยลุงไชย์พลทำท่าทางให้ดู มีการทักไปที่บ้านของนางแยง ซึ่งนั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน โดยมีการชักชวนนางวงศ์ หรือ ป้าศักดิ์ (ลูกชายชื่อศักดิ์) ทำนองว่าชวนไปส่งพระ ซึ่งนางวงศ์ปฏิเสํธ จากนั้นตนก็ขับรถต่อเข้าไปในซอยวัด เพื่อไปหาพระ โดยไม่ได้ทักทายใครอีก

นอกจากนี้ยังได้ทดสอบการขับรถมาจากบ้านลุงพล ด้วยความเร็วที่สามารทำได้สูงสุด ซึ่งช่วงถนนในหมู่บ้าน ขับมาได้ ราว 50 กม./ชม จากนั้นเลี้ยวเข้าซุ้มวัด ก่อนจะขึ้นไปที่วัด เส้นทางเดียวกับไปกับลุงพล โดยเมื่อเข้ามาในวัด ใช้ความเร็วได้ราว 20 กม./ชม. เนื่องจากถนนเริ่มเป็นทางลูกรัง โดยใช้เวลารวม 4.34 น. ทีมข่าวไม่ได้จอดแวะทักทายคนตามที่ลุงให้การ

วันที่ 6 ก.ค.63ได้พูดคุยกับ นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล เรื่องไทม์ไลน์ ในวันที่ 11 พ.ค.63 ซึ่งเป็นช่วงวันที่ชมพู่หายไป โดยระบุไทม์ไลน์ช่วงกลางคืนว่า หลังจากตนกลับมาจากบ้านของนายกาย (นามสมมติ) น้องชายพ่อน้องชมพู่ จากนั้นกลับมาที่บ้านแม่ถอน ก่อนจะร่วมกินข้าว จนกระทั่งฟ้ามึด ซึ่งตนไม่แน่ใจช่วงวันเวลา

จากนั้นตนก็ออกไปที่บ้านของ ตา กับ ยาย น้องชมพู่ ซึ่งอยู่ตรงข้ามบ้านของนางนลิน เพื่อปรึกษากันเรื่องการติดตามหาชมพู่ โดยตอนนั้นก็มีการคุยกันเรื่องรถขายเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งตอนนั้นไม่มีใครตอบได้ว่ารถของตู้เฟอร์นิเจอ บ้านอยู่ไหน ตนจึงตัดสินใจเลิกค้นหา และกลับบ้านพร้อมกับนางสมพร ภรรยา และลูก ๆ โดยช่วงนั้นน่าจะ นางสมพร หลาบโพธิ์ ป้าน้องชมพู่อีกครั้ง เปิดเผยว่า วันที่ 11 พ.ค.63 ช่วงเวลา 20.00 น. สามีอยู่กับตนทั้งคืน โดยอยู่ที่บ้านช่วง 20.00 น. ร่วมกัน 4 คน พ่อ แม่ ลูก หากสามีออกไปไหน ตนเองต้องรู้ แม้ไปเข้าห้องน้ำตนก็ต้องรู้ แต่สามีไม่ได้ออกไปไหนเลย ทั้งคืนสามีก็ไม่ได้ออกมาเข้าห้องน้ำเลย

ภาพจาก amarintv

ส่วนอีกหนึ่งประเด็นที่ตนไม่เคยพูด คือ ตอนที่ไปค้นหาเสื้อ ช่วงทีมข่าวชักชวนขึ้นเขา ซึ่งตนอยากไปด้วย แต่กลับถูกแม่น้องชมพู่มากระซิบว่า คนเจอเสื้อจะอันตราย ตนก็พยายามคิดว่าน้องสาวเป็นห่วง แต่ตนก็อธิบายว่า เราไม่ผิด ถึงแม้เราเจอเสื้อเราไม่ไปแตะ เราก็ย่อมไม่ผิด และที่ผ่านมาตนไม่เคยคิดว่าจะสงสัยน้องสาวเลย เพราะตนยังหวังดีเสมอ

ภายหลังแม่ของน้องชมพู่เปิดเผยว่ามีความสงสัยในตัวของลุงพล เรื่องการขับรถไปรับพระที่วัดภูผาแอก และใช้เวลาค่อนข้างนาน วันนี้ ตำรวจชุดสืบสวนของ สภ.กกตูม ได้เชิญ นางนลิน เงินนาม หรือ ถอน พร้อมกับ นายม็อค สองสามีภรรยา ไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ สภ.กกตูม แต่ตำรวจไม่มีการเปิดเผยว่าสอบถามในประเด็นอะไร และไม่ได้บอกว่าจะเกี่ยวกับข้อสงสัยของแม่ของน้องชมพู่หรือไม่

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ