หลักฐานใหม่ น้าของน้องชมพู่ ก่อนเจอน้อง โพสต์ภาพเครื่องเซ่นไหว้ตากับยาย

หลักฐานใหม่ น้าของน้องชมพู่ ก่อนเจอน้อง โพสต์ภาพเครื่องเซ่นไหว้ตากับยาย

เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2563 กรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เชิญ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติชี้แจงการปฏิบัติงาน ในการสืบสวนหาคนร้ายในคดีน้องชมพู่ เสียชีวิตปริศนาในป่า จ.มุกดาหาร  เนื่องจาก คดีนี้ที่มีการเรียกประชาชนมาสอบสวนมากเกือบ 1,000 คน จึงตั้งคำถามว่ามีธงต้องการหาแพะมารับโทษเพื่อปิดคดีหรือไม่

ซึ่งทางด้าน พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ยืนยันว่าการให้ข่าวเรื่องนี้ตำรวจให้ข่าวน้อยมาก โดยยืนยันการสืบสวนคดีนี้เริ่มจากตำรวจในท้องที่ และมีการมีการประสานให้ทีมสืบสวนส่วนกลางเข้าข่าย เพราะมีความยากลำบากในการเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนที่ต้องตรวจดีเอ็นเอ เพราะมีการพบวัตถุพยานหลายอย่างจากร่างกายของน้องชมพู่ การตรวจดีเอ็นเอจึงจำเป็นเพื่อหาว่าใครมีความเกี่ยวพันธ์บ้างและประชาชนกว่า 900 คนที่เป็นข่าวถูกเรียกสอบ เป็นแค่การพูดคุยกัน ไม่ได้เป็นการบังคับหรือ ละเมิด ทุกคนที่พูดคุยด้วยความสมัครใจและคดีนี้พยานจริงๆ ในสำนวน เพียง 63ราย และที่ผ่านมาไม่เคยมีประชาชนการร้องเรียนว่าถูกตำรวจคุกคาม และการเก็บดีเอ็นเอ ทำตามกฎหมายมาตรา 131 ป.วิอาญา มีการเก็บดีเอ็นเอ เพียง 100กว่ารายเท่านั้น คดีอื่นบางคดี มีการเก็บดีเอ็นเอมากกว่านี้

รอง ผบ.ตร.กล่าวว่าคดีนี้ เป็นคดีแรกในชีวิตที่มีประเด็นให้นำเสนอข่าวทุกวัน ยืนยันว่าไม่มีใครกดดันเจ้าหน้าที่ได้ แต่การนำเสนอข่าวทำให้การทำงานยากขึ้นบ้าง ยืนยันว่าข้อมูลทางนิติวิทยาศาสตร์ ตำรวจรับฟังทุกด้าน มีการฟังพยานจากทุกคน แต่ต้องแยก ข้อเท็จจริง กับ ข้อสันนิฐาน ให้ออก เพราะหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ไม่ตอบทั้งหมด การสืบสวนต้องดูทุกอย่างประกอบกัน ส่วนประเด็นตั้งธงหาแพะรับโทษนั้น นืนยันว่าการทำคดีไม่ได้จำเป็นที่ต้องจับคนร้ายได้ทุกคดี แม้จะตรวจดีเอ็นเอ 700-800 บางคดีก็ยังจับไม่ได้ หลายเรื่องทำเป็นปีๆก็ยังไม่จบ ย้ำว่าคดีนี้ไม่มีทางกดดันได้ เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน กดดันให้ตายยังไงก็ทำไม่ได้ ตำรวจไม่เคยทำนอกกติกา

ส่วนประเด็นละเมิดทางเพศนั้น ศ.นพ.วิรัติ พาณิชย์พงษ์ กรรมการแพทยสภากล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีกรรมการขึ้นมาเปรียบเทียบการผ่าศพ 2 ครั้ง เหมือนกับคดีนายห้างทอง ธรรมวัฒนะ เพื่อผ่าครั้งที่3 ว่าแตกต่างอย่างไร ซึ่งให้แพทยสภารับผิดชอบเรื่องนี้ได้ เพราะคดีนี้พฤติการณ์ตายยังไม่ทราบว่าเป็นอย่างไรแต่กลับมีการข้ามขั้นไปตรวจดีเอ็นเอหาสาเหตุการตายแล้วซึ่งมีมันเป็นเรื่องยาก เพราะศพเน่าไปแล้ว ดังนั้นต้องหาสาเหตุการตายให้ได้ก่อนว่ามีข้อสันนิษฐานอย่างไร

ด้าน พ.ต.ต. นพ.ณัฐพงศ์ กิตติโสภณพันธุ์ แพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ ยืนยันว่าการชันสูตรครั้งที่2 ที่พบบาดแผลฉีกขาดบริเวณอวัยวะเพศจริง แต่อาจเกิดจากการผ่าครั้งแรกหรืออาจเกิดจากการเคลื่อนย้ายศพ จึงยืนยันว่าไม่ได้ถูกล่วงละเมิดทางเพศ และไม่สามารถสรุปสาเหตุการตายได้ว่ามาจากอะไร เพราะพฤติกรรมการตาย ไม่สามารถตอบได้แน่ชัด ว่ามีใครทำให้ตายหรือไม่

ขณะที่ นพ.ศักดิ์สิทธิ์ บุญลักษณ์ หัวหน้ากลุ่มงานนิติเวช โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ผู้ผ่าชันสูตรศพน้องชมพู่คนแรก ยืนยันว่าไม่มีบาดแผลที่ส่งผลถึงแก่ความตายไม่มี มีเพียงบาดแผลที่เป็นรอยขีดข่วนเท่านั้น

ทั้งนี้ที่ผ่านมา โซเชียลเกิดคำถามแบบไม่หยุดไม่หย่อน สำหรับตัวน้าแต่ ไม่ว่าจเป็นเรื่องแหวน เรื่องอุปกรณ์จับหนู รวมทั้งคลิปไลฟ์สดที่บอกพิกัดน้องทั้งที่ไม่มีการยืนยัน

ล่าสุด โซเชียล ย้อนดูไทม์ไลน์เฟสบุ๊กส่วนตัวของ นาย นรินทร์ หลาบโพธิ์ น้าของน้องชมพู่ เมื่อวันที่ 14 พ.ค.2563 โดยโพสต์ภาพเครื่องเซ่นไหว้ พร้อมข้อความระบุว่า หลานชายทำตามสัญญาแล้วนะครับตากับยาย แต่ที่สงสัยทำไมมีขนมด้วย

โดยของเซ่นไหว้ มีดังต่อไปนี้ ข้าวเหนียว ไข่ น้ำเปล่า กล้วย หมากพลู ขันธ์ 5 ส่วนข้อสังเกต คือมี ขนม และนมเปรี้ยว ที่เป็นของชอบของน้องชมพู่

ด้าน นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ เปิดเผยผ่าน รายการทุบโต๊ะข่าว ว่า สำหรับเรื่องที่น้าแตโพสต์รูปอาหารถวาย จำได้ว่าเรื่องนี้เป็นช่วงที่น้องชมพู่หายไป และมีร่างทรงเยอะมากโทรศัพท์มาบอก ซึ่งช่วงนั้นไม่ว่ามีใครโทรมาบอกให้ทำอะไร ทางครอบครัวของตน ก็ยอมทำทุกอย่างและทำให้ทั้งหมด ซึ่งต่อให้ตนไม่เชื่อตนก็จะทำ

ขณะที่ นางอุ่น ผู้จัดสำรับถวายสิ่งศักดิ์สิทธิ ระบุว่า ที่ไหว้ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาหลังจากเจอรองเท้าน้องชมพู่แล้ว ไปทำพิธีที่สามแยก เพื่อหวังให้เจอน้องชมพู่ แต่ที่สำคัญ นางอุ่น ระบุว่า สำหรับภาพที่น้าแตโพสต์เฟซบุ๊กที่ถวายนมเปรี้ยวและอะไรบางอย่างให้ตายายนั้น ตนก็ไม่รู้ว่าคืออะไร เพราะเขาเอาไปทำโดยที่ตนไม่ได้ไปช่วย ซึ่งตนก็ไม่รู้

ด้านน้าของน้องชมพู่ก็ไม่ออกมาตอบโต้อะไร เพียงแต่โพสต์ภาพน้องชมพู่ดูดนม พร้อมข้อความระบุว่า ขอเวลาดื่มนมก่อนนะค่ะ

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ