เปิดรายละเอียด จ่อเพิ่ม คนละครึ่งให้เป็น 5,000 3 เดือน

เปิดรายละเอียด จ่อเพิ่ม คนละครึ่งให้เป็น 5,000 3 เดือน

วันที่ 3 มกราคม การcvรอบใหม่ยังคุมไม่อยู่ รัฐบาลจึงต้องงัดยาแรงใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อจำกัดวงและลดการแพร่ให้ได้โดยเร็ว ทั้งปิดสถานที่ต่างๆ และสถานบันเทิง รวมทั้งคุมเข้มการเดินทาง ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ อีกทั้งจะมีคนตกงานจำนวนมาก หากสถานการณ์ยังลามไปเรื่อยๆ จึงต้องรอลุ้นว่ารัฐบาลจะมีมาตรการอะไรเพิ่มเติมเพื่อมาเยียวยาผลกระทบต่อประชาชน ขณะที่ภาคเอกชนเสนอให้เพิ่มวงเงินใช้จ่ายโครงการคนละครึ่งเฟส 2 เป็น 5,000 บาท หรือมีโครงการเฟส3 ช่วยลดภาระให้ประชาชน อีกทั้งช่วยประคองเศรษฐกิจระดับล่าง

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 มกราคม นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวถึงกรณีสถานการณ์การแพร่cvรอบใหม่ ว่า สิ่งที่น่ากังวลคืออาจมีคนตกงานเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก

จากธุรกิจที่ต้องปิดกิจการ มีการล็อกดาวน์ตามคำสั่งรัฐ หรือได้รับผลกระทบในด้านต่างๆ อาทิ ร้านอาหาร ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ คล้ายช่วงเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ขณะที่ภาคท่องเที่ยวยังอยู่ในภาวะยากลำบาก ส่อตกงานจำนวนมากอีกครั้ง

รัฐบาลควรเร่งพิจารณามาตรการช่วยเหลือเพื่อประคองสถานการณ์ อาทิ อาจเพิ่มวงเงินให้กับโครงการคนละครึ่งเฟส 2 หรือออกโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ขึ้นมาใหม่ โดยขยายวงเงินจาก 3,500 บาท เป็น 5,000 บาทในช่วง 3 เดือน หรือเพิ่มระยะเวลาโครงการที่กำหนดสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2564 เพื่อให้เศรษฐกิจยังขับเคลื่อนไปได้ นายสุพันธุ์กล่าว

นายสุพันธุ์กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่ไทยต้องเผชิญกับการcvรอบใหม่ ที่อาจรุนแรงขึ้น ส่วนตัวยังคงเสนอให้รัฐบาลกู้เงินเพิ่ม 1-2 ล้านล้านบาท จากปัจจุบันรัฐบาลกู้แล้ว 1 ล้านล้านบาท เพื่อความอุ่นใจ เพราะสถานการณ์ไม่แน่นอน อาจลุกลาม เอกชนห่วงเรื่องนี้มาตลอด การมีเงินอยู่ในมือที่มากพอเพื่อใช้แก้ปัญหาย่อมดีกว่าเงินไม่พอ ขณะที่ดอกเบี้ยในเวลานี้ค่อนข้างถูก หากกู้มาแล้วไม่ใช้ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้เป็นภาระมากนัก

นายสุพันธุ์กล่าวว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) ประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เคยคาดการณ์ช่วงเดือนธันวาคม 2563 ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2564 จะเติบโตที่ระดับ 2-4% แต่ล่าสุดจากสถานการณ์ที่กลับมาอีก กกร.จะประชุมวันที่ 6 มกราคมนี้ คาดว่าจะทบทวนและคงปรับตัวเลขลดลงกว่าเดิม ส่วนที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ระดับ 4-4.5% มองว่าไม่น่าถึง ถ้าดูจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ