ดีเอสไอ จับตัวการแอบอ้างกองสลาก

ดีเอสไอ จับตัวการแอบอ้างกองสลาก

เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สั่งการให้ พันตำรวจโท ปกรณ์ สุชีวกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ในคดีพิเศษที่ 3/2564 กรณี สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลร้องทุกข์กล่าวโทษว่ามีผู้แอบอ้างชื่อสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อหลอกลวงให้ประชาชนทั่วไปหลงเชื่อว่าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลให้เลขรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเสียหาย

โดยเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2564 เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมนายจาตุรงค์ งามเลิศศิริชัย ผู้ต้องหาคดีพิเศษที่ 3/2564 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 981/2564 ลงวันที่ 23 มิถุนายน 2564 ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งเข้าตรวจค้นบ้านพักผู้ต้องหาในพื้นที่พุทธมณฑลสาย 4 เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม โดยพบทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดจำนวนมาก

หลักฐานบางส่วน

สืบเนื่องจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ร้องทุกข์ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ สอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด กรณี มีเอกสารที่กลุ่มมิจ ฉาชีพ จัดทำขึ้นโดยแอบอ้างใช้ตราสัญลักษณ์ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และแอบอ้างชื่อผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในการกระทำความผิด หลอกลวงประชาชนโดยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ ว่าจะให้เลขสลากที่ถูกรางวัลจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลล่วงหน้าในงวดถัดไปที่จะออกรางวัลและเรียกรับผลตอบแทน โดยส่งข้อความชักชวนประชาชนทั่วไปผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ด้วยการใช้บัญชีโซเชียลมีเดีย ได้แก่ บัญชีแอพพลิเคชั่นไลน์ (Line) และบัญชีเฟซบุ๊ก (Facebook) ทำให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและประชาชนได้รับความเสียหาย

ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าวจนพบพยานหลักฐานว่าผู้ต้องหานี้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดโดยใช้บัญชีโซเชียลมีเดียหลายบัญชี ทำการหลอกลวงประชาชนว่าจะให้เลขที่จะถูกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลของงวดถัดไป

โดยผู้ต้องหาได้เลขดังกล่าวมาจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและเรียกรับผลตอบแทน จากผู้เสียหายให้มาสมัครสมาชิกในบัญชีไลน์แอด (line@) เพื่อรับเลขดังกล่าว จากนั้น ผู้ต้องหาได้แจ้งหมายเลขบัญชีธนาคารให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้ามาในแชทการสนทนา

ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษพบบัญชีธนาคารที่ใช้ในการหลอกลวงผู้เสียหาย จำนวน 9 บัญชี มีเงินหมุนเวียนในบัญชีประมาณ 37 ล้านบาท และจากการเข้าตรวจค้นที่พักของผู้ต้องหาสามารถยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดได้หลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงและนำพยานหลักฐานเพื่อแก้ข้อกล่าวหาและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนตามขั้นตอนกฎหมาย ก่อนที่จะสรุปสำนวนการสอบสวนและมีความเห็นทางคดี ส่งพนักงานอัยการต่อไป

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ