เลขาฯสมช. ย้ำ เดินหน้าฉีดซิโนแวคต่อ

เลขาฯสมช. ย้ำ เดินหน้าฉีดซิโนแวคต่อ

วันที่ 3 กรกฎาคม ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศปก.ศบค.) และประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบูรณาการด้านการแพทย์และสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการของภาครัฐ ภายหลังจากแพทย์ประเมินว่า สถานการณ์ของการแพร่ระบาดในเดือนกรกฎาคมนี้จะวิกฤตว่า มาตรการหลักๆ คงต้องถือมาตรการเดิมไปก่อน เพราะในห้วงเวลาที่ผ่านมา มีประชาชนที่ทำมาหากิน มีความเดือดร้อน เนื่องจาก ศบค.ใช้มาตรการเหล่านี้มา 3 เดือนแล้ว

ประชาชนเป็นจำนวนมากได้มาขอความกรุณาจากทาง ศบค. ว่าอยากให้ผ่อนคลายบ้าง ซึ่งก็ได้ชี้แจงกลับไปว่ามาตรการต่างๆ เหล่านี้ยังจำเป็นอยู่ เพราะฉะนั้นต้องดูทั้งสองฝ่าย ทั้งคนที่เดือดร้อนจากมาตรการของ ศบค.ด้วย และต้องดูมาตรการป้องกันโรคด้วย ดังนั้น สิ่งที่ ศบค.ต้องเตรียมการคือจะต้องลงรายละเอียดให้มากขึ้น เพิ่มความประณีตให้มากขึ้น และอาจจะต้องเพิ่มมาตรการเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ทำให้ประชาชนที่จะต้องทำมาหากินเดือดร้อนมากไปกว่านี้ โดยเมื่อครบ 15 วันในประมาณวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ ก็จะหารือกับทางกระทรวงสาธารณสุขในการประเมินสถานการณ์ว่า จากมาตรการต่างๆ ที่เราทำมาแล้วนั้น มีประสิทธิผลเพียงใด จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องเพิ่มมาตรการหลักให้มากขึ้น หรือยังสามารถคงมาตรการนี้ได้ต่อไปตรงนี้ จะต้องฟังจากทางกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลัก

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความจำเป็นที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การทำงานใหม่หรือไม่ เพื่อรับมือสถานการณ์ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ก็มีความจำเป็น ซึ่งขณะนี้ทางคณะที่ปรึกษาของศูนย์บูรณาการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล กำลังแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าว อยู่ว่าจำเป็นที่จะต้องมีการปรับว่า ถ้าเราใช้มาตรการเดิมๆ อยู่อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย

ซึ่งขณะนี้ทีมคณาจารย์ทางด้านการแพทย์กำลังมองเรื่องนี้อยู่ อาทิ ลักษณะของการเข้ารับการรักษาพยาบาล แต่ขอไม่ลงในรายละเอียดเนื่องจากกำลังอยู่ในขั้นตอนหารือหากพูดอะไรไปก่อนจะเป็นการไปก้าวล่วงในเรื่องของการแพทย์และการสาธารณสุข บอกได้เพียงว่าทางคณาจารย์ทางการแพทย์กำลังติดตามและกำลังพิจารณาเรื่องดังกล่าว

เมื่อถามถึงในส่วนของเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างเพียงพอหรือไม่หากเกิดวิกฤต พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า คงเหมือนกับที่อธิบดีกรมการแพทย์และรองอธิบดีกรมควบคุมโรคได้กล่าวไปว่า เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ยังมีเพียงพอ ถ้าสถานการณ์ยังคงระดับนี้อยู่ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ ศบค.อยากขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ซึ่งก็ต้องย้ำว่าเวลาขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนก็มักจะถูกต่อว่า ว่าเป็นการโทษประชาชนแต่มิใช่เช่นนั้น

แต่เนื่องจากความสำเร็จในเรื่องของมาตรการป้องกันและควบคุมโรค ส่วนตัวตนถืออยู่ 3 ส่วน คือภาครัฐจะต้องจริงจัง ภาคผู้ประกอบการต้องให้ความร่วมมือ ภาคประชาชนต้องดำรงในส่วนของการป้องกันส่วนบุคคล หากทั้งสามส่วนนี้ยังดำรงอยู่ก็สามารถที่จะผ่านไปได้โดยที่ ศบค. ดูแลในเรื่องมาตรการส่วนรวม

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ