แบงก์ชาติ แนะรัฐกู้เพิ่ม 1 ล้านล้าน ดันจีดีพี

แบงก์ชาติ แนะรัฐกู้เพิ่ม 1 ล้านล้าน ดันจีดีพี

วันที่ 20 ส.ค. 2564 น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ปัญหาของเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ คือ หลุมรายได้ จากรายได้ครัวเรือนที่หายไปค่อนข้างมาก โดยประเมินว่าในช่วง 3 ปี (2563-2565) รายได้ครัวเรือนจะหายไปกว่า 2.6 ล้านล้านบาท จากปี 2563 ที่หายไปกว่า 8 แสนล้านบาท และปี 2564 อีก 1 ล้านล้านบาท และปี 2565 ที่คาดว่าจะเพิ่มเติมอีก

ขณะที่ตลาดแรงงานของประเทศไทยยังคงเปราะบาง และได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มผู้ว่างงานและเสมือนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากช่วงก่อนเกิด cv-19 กว่า 1 ล้านคน และที่น่าจับตามอง คือกลุ่มผู้ว่างงานระยะยาว หรือผู้ที่ไม่มีงานทำเกิน 1 ปี ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่าช่วงก่อนเกิด ถึง 3 เท่าตัว สะท้อนถึงทักษะของแรงงานที่จะหายไป และความยากลำบากของแรงงานในกลุ่มดังกล่าวที่จะกลับมาหางานทำเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น

ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจในระยะต่อไปต้องเจอปัญหาแรงงานที่หาได้ยากขึ้น ขณะที่ผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อน (นักศึกษาจบใหม่) ที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ปัญหาเหล่านี้สะท้อนความเปราะบางอย่างมากของตลาดแรงงานไทย

ด้านนายสักกะภพ พันธ์ยานุกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายการเงิน ธปท. กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ (จีดีพี) และปีก่อนหน้ายังเติบโตได้ต่ำกว่าศักยภาพค่อนข้างเยอะ ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบมาจาก cv-19 ดังนั้นแนวทางหนึ่งในการช่วยประคองให้เศรษฐกิจยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ มองว่าภาครัฐจำเป็นต้องเร่งอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบ โดยอาจจะผ่านการกู้เงินเพิ่มเติมอีก 1 ล้านล้านบาท

โดย ธปท. มีการทำแบบจำลองกรณีรัฐบาลมีการกู้เงินเพิ่มเติมเพื่อประคองเศรษฐกิจ พบว่า หากรัฐบาลมีการกู้เงินเพิ่ม และเร่งอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ ในช่วง 2-3 ปีนี้ จะช่วยให้จีดีพีของไทยเฉลี่ย 5 ปีข้างหน้า สามารถขยายตัวได้ที่ระดับ 3.2% แต่หากรัฐบาลไม่มีการกู้เงินเพิ่มเติม ไม่มีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ ภาพการขยายตัวของจีดีพีในช่วง 5 ปีข้างหน้าก็จะเติบโตได้ไม่ถึง 3%

หากรัฐบาลมีการกู้เงินเพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาท จะทำให้มีความเสี่ย งที่หนี้สาธารณะจะปรับสูงขึ้นแตะระดับ 70% ในช่วง 3-4 ปีข้างหน้าได้ แต่ในระยะกลางและระยะยาวรัฐบาลต้องเตรียมความพร้อมเรื่องการลดภาระ การรัดเข็มขัดผ่านการปฏิรูปรายได้ การจัดเก็บภาษี การเพิ่มฐานภาษี การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการขยายฐานภาษี

โดยมองว่าการที่เศรษฐกิจดีจะทำให้เราปฏิรูปเรื่องภาษีได้ง่ายขึ้น เช่น การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในช่วงที่เศรษฐกิจดีย่อมทำได้ง่ายกว่า ดังนั้นหากรัฐบาลใส่เงินได้เร็ว ก็จะช่วยทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็ว ถือเป็นการช่วยลดความเสี่ย งของฐานะการคลังในระยะยาวด้วย นายสักกะภพ กล่าว

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ