เศรษฐีแปดริ้ว โดนลูกชายรวมหัวสะใภ้ จับขังวางแผนฮุบสมบัติ

เศรษฐีแปดริ้ว โดนลูกชายรวมหัวสะใภ้ จับขังวางแผนฮุบสมบัติ

ชายวัย 67 ปี เข้าร้องทุกข์กับตำรวจ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา พร้อมกับมีการโชว์ร่องรอยแผลเป็นตามแขนและขา โดยเจ้าตัวให้การว่าเกิดจากถูกลูกชายและลูกสะใภ้ รวมถึงพ่อและแม่ฝั่งของสะใภ้ มีการทำร้าย ถูกกักขังกรอกยานานกว่า 2 ปี มีโอนถ่ายทรัพย์สินกว่า 65 ล้าน

ชายวัย 67 ปี เล่าว่าไม่คิดเหมือนกันว่าลูกชายแท้ ๆ จะทำกับพ่อแม่แบบนี้ เพราะปกติตนเองก็เคยเห็นแต่ในทีวีหรือในละคร แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาเจอกับตัว ที่ถูกลูกชายและลูกสะใภ้ใส่ยาในอาหารและน้ำให้กินโดย ช่วงนั้นตนและภรรยาได้อาศัยอยู่ที่บ้านของตนในพื้นที่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ประมาณปี 2563

จากนั้นไม่นานตนและภรรยาล้มป่วยและถูกกักขังอยู่ภายในห้อง มีการเปลี่ยนลูกบิดที่ไม่สามารถเปิดได้จากข้างใน โดยช่วงนั้นหลานที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงได้พยายามเข้ามาหาแต่ก็ถูกกีดกัน มีอยู่วันหนึ่งลูกชายและลูกสะใภ้ของตนไม่อยู่หลานตนได้แอบขึ้นมายังห้องที่ตนถูกกักขัง และมาให้การช่วยเหลือพาส่งยังโรงพยาบาล ช่วงกลางดึกคืนนั้นแต่ยังไม่ทันได้พบหมอ ลูกชายได้อ้างสิทธิ์ในการนำตนและภรรยาออกมาจากโรงพยาบาลและพาไปกักขังเอาไว้ที่บ้านของพ่อแม่ของสะใภ้ ในพื้นที่เขต อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ตั้งแต่ปี 2563-2565 ก่อนที่เดือน พฤษภาคม 2565 ตนเองจึงหนีออกมาได้

ซึ่งตอนที่ถูกกักขังช่วงแรกมีการขังเอาไว้ภายในห้องขนาด 4 คูณ 8 เมตร มีการปิดประตูหน้าต่างใช้สังกะสีปิด ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน ตอนแรกก็ยังมีทีวีให้ดู แต่ช่วงหลังก็ยกทีวีออกไป ขังตนเองอยู่กับภรรยาอยู่ภายในห้องดังกล่าว หน้าต่างทำเป็นลูกกรง คล้ายห้องขัง ทำเป็นช่องสี่เหลี่ยมพื้นผ้า สำหรับส่งถาดข้าว ขวดน้ำ ซึ่งกับข้าวส่วนใหญ่ก็เป็นมาม่าและปลากระป๋อง น้ำดื่มกรอกมาจากน้ำประปา ส่วนข้าวของเครื่องใช้มีเพียงแค่ผ้า 1 ผืน และหมอน 1 ใบ ถูกกักขังอยู่อย่างนั้นตลอดระยะเวลา 2 ปี ได้อาบน้ำ 3 เดือนครั้ง ครั้งละ ประมาณ 15 นาที

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ