สาวทรุด เอารถไปทำสี อู่ขับไปชนยับ 6 ครั้ง เครมประกันกว่า 1 แสน แถมใช้งานไม่ได้

สาวทรุด เอารถไปทำสี อู่ขับไปชนยับ 6 ครั้ง เครมประกันกว่า 1 แสน แถมใช้งานไม่ได้

วันที่ 7 ก.ย. ที่ สำนักงานทนายรัชพล ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี ด.ต.(หญิง) ชญานิศ ยุทธมานพ อายุ 38 ปี และ น.ส.กัญณัฏฐ์ แสงไกรชัยกิจ อายุ 52 ปี เดินทางเข้าพบ ทนายรัชพล ศิริสาคร ประธานชมรมสนับสนุนการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม เพื่อให้ช่วยติดตามคดีและดำเนินคดีเอาผิดกับอู่ซ่อมรถยนต์ย่านรามอินทรา กทม. หลังจากนำรถเก๋งไปทำสี แต่ถึงวันรับรถกลับโดนเลื่อนหลายครั้ง ระหว่างที่รถอยู่ที่อู่หลายเดือน อู่ดังกล่าวได้นำรถไปขับชนเพื่อเคลมเงินประกันอีกหลายครั้ง รวมเป็นเงิน 126,244 บาท ปัจจุบันสภาพรถไม่สามารถขับขี่ได้ จึงได้แจ้งความไว้ที่ สน.บางเขน พร้อมหลักฐาน

ด.ต.(หญิง) ชญานิศ กล่าวว่า ตนได้นำรถเก๋งฮอนด้าแจ๊ส สีขาว ทะเบียน ญฮ-1211 กทม. ไปเปลี่ยนเป็นสีแดงที่อู่ซ่อมรถยนต์แห่งหนึ่งใน ซอยรามอินทรา 5 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. เมื่อต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนได้พูดคุยตกลงราคาเปลี่ยนสีทั้งคันเป็นเงิน 10,000 บาท แต่อู่ขอให้ทำประกันรถยนต์ก่อน เนื่องจากประกันรถขาด ซึ่งตนแจ้งว่าจะจ่ายเอง แต่อู่ยังยืนยันให้ทำประกันดีกว่าจะได้เคลมได้ ตนจึงได้กลับมาทำประกันชั้น 2 บวกและนำรถเข้าอู่เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. และตกลงว่ารถจะเสร็จภายในสองสัปดาห์ พร้อมทั้งขอสมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็มที่เงินค่าเคลมประกันจะเคลมเข้าบัญชีไว้

เมื่อครบกำหนดตนได้โทรไปสอบถามว่ารถเรียบร้อยหรือไม่ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ตนจึงเดินทางเข้าไปที่อู่ พบรถของตนจอดอยู่ที่ด้านหลัง ถูกถอดชิ้นส่วนทั้งประตู ล้อ กันชน กระจกข้าง สภาพยับเยิน ตนจึงสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทางอู่บอกว่าเป็นขั้นตอนการทำสี และผลัดวันกำหนดเสร็จไปเรื่อย จนต้นเดือน ส.ค. ตนเห็นว่านานเกินไป ค่าใช้จ่ายในการนั่งแท็กซี่ไปทำงานก็เยอะเกิน

จึงจะขอไปรับรถคืนทางอู่จึงให้ไปรับวันที่ 8 ส.ค. เวลา 18.00 น. รถของตนเปลี่ยนเป็นสีแดงแล้ว แต่ด้วยความมืดจึงไม่ได้ตรวจดูละเอียดมากนัก พบแต่ว่าสีภายนอกเป็นสีแดง แต่ภายในยังเป็นสีขาว จึงได้สอบถามอู่ว่าไม่เป็นไปตามข้อตกลง ทางอู่จึงไม่เก็บเงินค่าทำสีที่เหลืออีก 5,000 บาท

ด.ต.(หญิง) ชญานิศ กล่าวต่อว่า เมื่อขับรถออกมาจากอู่ได้ยินเสียงท่อแปลกไป ระบบไฟฟ้าใช้ไม่ได้ เซ็นต์เซอร์หลังไม่ทำงาน สายเบลไม่กลับเข้าที่ ไฟหน้าไม่ติด ตรวจสอบพบว่าท่อไอเสียถูกตัดหายไปครึ่งหนึ่ง วันที่ 11 ส.ค.จึงเอารถกลับไปที่อู่อีกครั้ง ทางอู่ยินดีแก้ไขให้ แจ้งว่าวันเดียวเสร็จ แต่รอจนเวลาผ่านไปเกือบ 1 เดือน ตนถึงจะได้รถกลับมาเมื่อวันที่ 29 ส.ค. แต่รถก็ไม่สามารถใช้การได้เหมือนเดิม ซึ่งอู่บอกครั้งนี้ว่าทำไม่ได้แล้ว ตนจึงนำรถกลับมา

ตอนนี้ปัญหาที่ตามมาคือพวงมาลัยสบัด เอียง ล้อทั้ง 4 ถูกถอดและเสียการทรงตัว ตนจึงเริ่มเอ๊ะใจโทรถามบริษัทประกัน จึงพบว่ารถเก๋งของตนที่เพิ่งทำประกันไปก่อนเข้าทำสี มีการเคลมประกันอุบัติเหตุไปแล้วถึง 6 ครั้ง เป็นเงิน 126,244 บาท และบริษัทประกันได้จ่ายเงินค่าเคลมประกันเข้าบัญชีที่เจ้าของอู่นำสมุดบัญชีกับเอทีเอ็มของตนไปจนครบหมดแล้ว ตนจึงปรึกษากับเพื่อนรุ่นพี่และตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความ

ด้าน น.ส.กัญณัฏฐ์ เพื่อนรุ่นพี่ผู้เสียหาย กล่าวว่า วันนี้ที่เข้าพบทนายเพื่อให้ช่วยเรื่องแนวทางในการดำเนินคดี เรื่องรถยนต์ที่ตนและเพื่อนเอาเข้าไปทำสี แต่มันไม่เป็นไปตามที่ตนคิด ทำสีไม่เรียบร้อย รถมีปัญหาเรื่องระบบ ทำไมรถแค่ทำสีแต่กลับได้รถมาสภาพเสียหายหลายอย่างและรถใช้การไม่ได้ ตนสงสัยจึงเช็คไปที่บริษัทประกันพบว่ารถถูกเคลมอุบัติเหตุ 6 ครั้ง ค่าเสียหาย 126,244 บาท ส่วนใหญ่ขับชนกับคันอื่น

โดยทางอู่ขอสมุดบัญชีกับเอทีเอ็มน้องไป เพราะแจ้งว่าเบิกค่าทำสีจึงต้องใช้บัญชีเจ้าของประกัน ตอนนี้ได้แจ้งความไว้ที่ สน.บางเขน ตำรวจนัดสอบปากคำและตรวจสภาพรถ ตนอยากให้อู่รับผิดชอบเพราะเอารถเราไปขับชนหลายที่ หลายจังหวัด จนรถใช้การไม่ได้ ตนคาดว่าน่าจะเป็นมิจฉาชีพใช้วิธีเอารถลูกค้าไปแกล้งชนเพื่อเอาเงินประกัน จึงได้มาร้องให้ทนายดำเนินการเพื่อขอความเป็นธรรม เพราะอู่นี้น่าจะทำในลักษณะนี้กับผู้เสียหายมาหลายคนแล้วและคงไม่หยุด จึงเกรงว่าจะไปทำกับคนอื่นๆ อีก

ทางด้าน ทนายรัชพล กล่าวว่า อย่างแรกอยากเตือนประชาชนที่เอารถยนต์ไปซ่อม ถ้าราคาถูกมากไปอาจเป็นแก็งค์มิจฉาชีพหลอกลวงได้ และสมุดบัญชี เอทีเอ็ม ไม่สมควรให้คนอื่นใช้อาจทำให้เกิดความเสียหายได้ คดีนี้ต้องให้ตำรวจสอบสวนไปก่อน หากล่าช้าหรือมีการแอบอ้างว่ารู้จักกับนายตำรวจต่างๆ คงจะต้องติดตามเพื่อเร่งรัดคดีอีกครั้ง

สำหรับสมุดบัญชีและเอทีเอ็มที่อู่เอาไป ถ้าไปทวงคืนแล้วไม่ให้ สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ ส่วนสภาพรถที่เสียหายจากการกระทำของอู่นั้น ทางอู่จะต้องรับผิดชอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คงต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบสภาพรถก่อน คดีนี้อยากให้คู่กรณีเข้ามาเจราจาไกล่เกลี่ยแสดงความผิดชอบจะดีกว่าที่ต้องเสียเวลาดำเนินคดีกัน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ