กู้ภัยที่เก็บน้องชมพู่ เล่านาทีแรกที่เจอน้อง ลั่นจากประสบการณ์ไม่ผิดแน่

กู้ภัยที่เก็บน้องชมพู่ เล่านาทีแรกที่เจอน้อง ลั่นจากประสบการณ์ไม่ผิดแน่

จากกรณีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่เสียชีวิตบริเวณป่าภูเหล็กไฟ บ้านกกกอก หมู่ 2 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ขณะนี้ยังไม่สามารถจับคนร้ายได้ ต่อมากลายเป็นที่จับตามองอย่างมากเมื่อนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องชมพู่ เปิดใจยอมรับว่าสงสัยลุงพลนั้นเป็นผู้ก่อเหตุกับน้องชมพู่ ซึ่งทางด้าน ลุงพล ทนไม่ไหว ประกาศตัดญาติทันที พร้อมแฉความลับของแม่น้องชมพู่ ว่าไม่เคยขึ้นไปภูเหล็กไฟเลย ไม่ยอมไปดูสถานที่เกิดเหตุเลยแม้แต่ครั้งเดียวจนชาวบ้านต่างสงสัยและพูดกันต่างๆนาๆ หรือกำลังกลัวอะไรบางอย่าง

และจากข้อสงสัยศพของน้องชมพู่ที่มีรูบริเวณสะโพก รวมถึงรอยขีดข่วนต่าง ๆ ที่ร่างกายนั้น ล่าสุด ทุบโต๊ะข่าวไปถาม เจ้าหน้าที่กู้ภัยชุดที่เก็บกู้ศพน้องชมพู่ คือ นายพรศักดิ์ พุฒิวรพันธ์ และนายปรียพัช กลิ่นชมแสง เป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลมุกดาหาร เปิดเผยว่า ตนได้รับแจ้งในวันที่ 14 พ.ค.63 เวลา 19.00 น. ว่าพบศพน้องชมพู่ ตนเองพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ รวม 4 คน จึงเดินทางไปยังหมู่บ้านกกกอก ขึ้นภูเหล็กไฟ เวลา 23.30 น.

ภาพจาก amarintv

และถึงจุดพบศพ เวลา 00.30 น. พบเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจ และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูผายล ก่อนจะนำศพลงจากภูเหล็กไฟ เวลา 01.00 น. โดยการแบกศพใส่ที่บ่า ใช้เวลาลงจากภูเหล็กไฟ 30 นาที แล้วนำศพส่งโรงพยาบาลดงหลวง

นายพรศักดิ์ กล่าวถึงสภาพศพว่าอยู่ในสภาพเปลือย เริ่มเน่าและส่งกลิ่น โดยกลิ่นโชยออกมาจากบริเวณปากของศพ ซึ่งในปากมีหนอนแมลงวันเป็นจำนวนมาก คาดว่าเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 2 วัน แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเสียชีวิตเพราะอะไร นอกจากนี้ ยังมีรอยขีดข่วนทั่วร่างกาย คาดว่าเป็นรอยหญ้าหรือกิ่งไม้ขีดข่วนระหว่างเดิน แต่ไม่พบบาดแผลฉกรรจ์ มีเพียงรูบุบที่สะโพก คล้ายรอยกดทับ แต่รูดังกล่าวไม่ได้ทะลุผิวหนัง

ส่วนรอยแผลพุพองบริเวณเท้า เกิดจากความร้อน เกิดขึ้นได้ 2 กรณี กรณีแรกคือเด็กอาจเดินจนเท้าพอง หรือกรณีที่ 2 การพุพองดังกล่าว สามารถเกิดขึ้นหลังจากเสียชีวิต ถ้าหากสภาพอากาศร้อน หรือแดดจัด ผิวหนังศพก็อาจเกิดการพุพองได้ ดังนั้นจึงไม่ขอฟันธง ว่าเกิดจากอะไร ส่วนอุปสรรคในการขึ้นไปเก็บศพ คือเส้นทางที่ลาดชัน มีโขดหินสูง ยากลำบากต่อการเดิน และไม่เชื่อว่าเด็ก 3 ขวบ จะเดินขึ้นได้เอง

ด้าน นายสมบัติ อวนวัง ผู้พบศพน้องชมพู่เป็นคนเเรก เปิดเผยว่า สภาพศพน้องชมพู่ตอนที่เจอศพ เห็นน้องชมพู่อยู่ในสภาพเปลือย ส่วนในเรื่องบาดเเผล ตนเองเห็นไม่ชัด เพราะเมื่อเห็นศพก็รีบถอยออกทันที เพราะเจ้าหน้าที่กันพื้นที่ ประกอบกับขณะนั้นบรรยากาศค่อนข้างมืด ตนเองสังเกตเห็นรอยขีดข่วนตามร่างกาย ซึ่งรอยดังกล่าวคาดว่าเป็นรอยจากตอหญ้าหรือกิ่งไม้ เพราะก่อนที่จะเกิดเรื่อง 1 เดือน ภูเหล็กไฟเพิ่งเกิดไฟป่า ตอไม้หรือตอหญ้าที่อยู่บนภู เมื่อถูกไฟไหม้จะแหลมคม เป็นไปได้ว่าเมื่อน้องชมพู่เดินผ่าน อาจจะถูกตอหญ้าเหล่านั้นบาดหรือทิ่มเเทงได้

ภาพจาก amarintv

ส่วนรอยพุพองบริเวณเท้ามีจริงหรือไม่ ตนเองไม่แน่ใจ เพราะได้มองช่วงเท้า ตนเองไม่มั่นใจ 50% ว่าน้องอาจจะเดินไปเอง แต่ตอนนี้ก็ยังยังไม่พบหลักฐานเชื่อมโยงถึงคนร้าย

ด้าน นพ.สิทธา ลิขิตนุกูล หรือ หมอกอล์ฟ เจ้าของเพจคุณหมอสตอรี่ ให้ข้อมูลกรณีที่มีการตั้งข้อสงสัย ว่า น้องชมพู่ตายก่อนแล้วโดนอุ้ม ทำให้ขาห้อยลงจนเกิดเป็นเลือดตกเท้านั้น ซึ่งรอยเขียวช้ำหลังตาย หรือ รอยจ้ำโลหิตตกสู่ที่ต่ำ (postmortem lividity) เกิดจากเม็ดเลือดแดงไม่ได้ลอยในหลอดเลือด แล้วตกลงสู่ที่ต่ำ เกิดจากการที่หัวใจหยุดเต้น

รอยดังกล่าวเกิดได้ตั้งแต่หลังจากการตาย 1-2 ชั่วโมงเป็นต้นไป และจะเห็นชัดได้ภายใน 12 ชั่วโมง และรอยจะหายไปภายใน 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ ถ้าเด็กถูกอุ้มจับร่างพาดบ่า รอยก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น แต่ถ้ามีการบีบรัดที่ข้อเท้าแล้วโดนลากร่างไปนั้น ก็จะเกิดรอยช้ำม่วงที่ข้อเท้าได้เช่นกัน โดยรอยนั้นเกิดการตกตะกอนในต่ำสุดของร่างกาย

ขอบคุณที่มาจาก amarintv

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ