โชเฟอร์รถบรรทุก จ่อฟ้องกลับตำรวจ คดียาบ้า 1 เม็ด หลังศาลยกฟ้อง

โชเฟอร์รถบรรทุก จ่อฟ้องกลับตำรวจ คดียาบ้า 1 เม็ด หลังศาลยกฟ้อง

จากกรณี นายโสภณ วงศ์สวัสดิ์ อายุ 47 ปี โชเฟอร์ขับรถบรรทุกสิบล้อ ทะเบียน 70-2434 ชุมพร ตกเป็นผู้ต้องหา หลังจากพนักงานสอบสวน สภ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ แจ้งข้อหาครอบครองยาบ้า 1 เม็ด บริเวณที่วางของด้านข้างที่นั่งคนขับ ขณะบรรทุกยางพาราจาก จ.ชุมพร ไปส่งที่ จ.ระยอง แต่นายโสภณได้ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 พ.ย.2562 ต่อมามีการเผยแพร่คลิปภาพจากกล้องวงจรปิดระหว่างเจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้น โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเพื่อขอความเป็นธรรม หากมีการยัดยาบ้าทำให้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ในวันนี้ ที่ห้องพิจาณาคดีที่ 4 ศาลจังหวัดหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้นัดพร้อมพนักงานอัยการฝ่ายโจทย์และจำเลย จากนั้น ผู้พิพากษาใช้เวลาอ่านคำพิพากษา 10 นาที ให้ยกฟ้องจำเลยในคดีดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนายแรกขึ้นไปค้นหายาเสพติดบริเวณหน้ารถ แต่ไม่พบยาเสพติด ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกนายขึ้นไปค้นแล้วพบยาเสพติดยาบ้า 1 เม็ด ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนายอื่นไม่พบเห็นยาเสพติดดังกล่าวและขณะตรวจค้น จำเลยไม่ได้อยู่ร่วมด้วย พยานหลักฐานที่ได้มาจึงไม่ชอบ คดีมีเหตุควรสงสัย ศาลพิเคราะห์แล้วจึงยกข้อสงสัยให้เป็นประโยชน์ของจำเลย

ต่อมาทางผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายโสภณ หลังเดินทางกลับมายังจังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นภูมิลำเนาตนเอง กล่าวว่า คนจนๆ คนหนึ่งที่ต้องการพิสูจน์เพื่อตามหาความยุติธรรม เมื่อสงสัยว่าถูกเจ้าหน้าที่รัฐกลั่นแกล้ง ซึ่งหลายๆ คนไม่กล้าที่จะลุกขึ้นมาเรียกร้อง ตนคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก หากไม่สู้ก็ต้องตกงาน สู้เพื่อพิสูจน์ตนเองถ้าเราไม่พิสูจน์สังคมก็ไม่รู้ แต่วันนี้ผลพิสูจน์ ออกมาแล้ว งานที่ทำก็คงจะดีขึ้น ซึ่งก่อนหน้านั้น ยอมรับว่าเครียดมาก มาวันนี้รู้แล้วว่าความยุติธรรมยังมีอยู่จริง

นายโสภณ กล่าวต่อว่า ต่อจากนี้ไปก็จะต้องมุ่งมั่นทำงานให้มากยิ่งขึ้น เพราะหนี้สินที่กระจุกตัวตั้งแต่เกิดเรื่อง ก็แทบจะชักหน้าไม่ถึงหลัง ต้องจ่ายค่าบ้านเดือนเว้นเดือน เพื่อนำเงินที่หาได้ไปจ่ายค่ารถ เพราะอย่างน้อยทางธนาคารและทางบริษัท ก็ได้รับรู้ว่า เรายังมีการติดต่อแม้จะผ่อนชำระไม่ตรงงวดก็ตาม

สำหรับการที่จะฟ้องกลับตำรวจชุดดังกล่าวนั้น ตนเองกำลังปรึกษาทนายว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปอีก แต่ในใจต้องการฟ้องกลับ เพราะทำให้ตนเองต้องสูญเสียอะไรไปหลายๆอย่าง พร้อมวิงวอนให้ประชาชนทุกคนลุกขึ้นสู้หากโดนตำรวจบางคนที่มีพฤติกรรมไม่ดี พร้อมอยากให้ทาง ผบ.ตร.ดำเนินการกับพวกตำรวจนอกรีดให้หมดไปจากองค์กร เพราะตำรวจพวกนี้ ซึ่งมีเพียงไม่มาก แต่กลับทำให้ตำรวจน้ำดี จำนวนมากต้องมาพลอยเสื่อมเสียไปด้วย

ด้านนางผ่องพรรณ บัวคลี่ใบ อายุ 45 ปี ภรรยา กล่าวว่า ตนเองเชื่อในความบริสุทธิ์ใจของสามีว่าไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แม้ตลอดระยะเกือบ 1 ปีเต็มหลังเกิดเรื่อง ตนกับสามี ต้องขึ้นลงเพื่อไปรายงานตัว และไปให้ปากคำ ซึ่งทุกถ้อยคำ ทุกครั้งที่ถูกสอบปากคำ ก็ยังเป็นคำเดิมของคนบริสุทธิ์ใจจะเหมือนกันทุกครั้ง จนในวันนี้ก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่า สามีตนเองบริสุทธิ์ หลังจากที่ศาลได้อ่านคำพิพากษายกฟ้อง ทำให้ตนเองและสามีคลายวิตกกังวลไปอย่างมาก หลังเครียดที่ต้องเป็นผู้ต้องหาโดยไม่ได้กระทำความผิด

นางผ่องพรรณ ยังกล่าวว่า เชื่อว่าประชาชนทุกคนไม่ต้องการ มีเรื่องกับทางตำรวจหรอก เพราะเชื่อว่าไม่มีทางชนะได้ ซึ่งในวันนั้นทางตำรวจยังพยายามพูดให้สามีตนยอมรับ และจะให้จ่ายเงิน จำนวน 5,000 บาท ซึ่งจ่ายไปวันนั้น ก็จบเรื่อง ไม่ต้องมาเสียเวลา และเสียค่าใช้จ่าย ที่เสียไปไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นบาทแล้ว แต่นั้นมันไม่ใช่ เพราะเราคือผู้บริสุทธิ์ ที่ต้องการความยุติธรรมและความถูกต้อง

หลังจากถูกดำเนินคดีตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมาได้สูญเสียโอกาสหลายอย่างโดยเฉพาะครอบครัวอยู่ในสถานะยากลำบาก เนื่องจากขาดรายได้หลักจากประกอบอาชีพขับรถสิบล้อได้เงินเดือนๆ ละ 20,000 กว่าบาท ปัจจุบันต้องลดชั้นไปทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้เงินเดือนเพียง 10,000 บาท นอกจากนี้ ยังถูกยึดใบขับขี่สาธารณะไม่สามารถกลับไปประกอบอาชีพรับจ้างขับรถบรรทุกได้เหมือนเดิม นายผ่องพรรณ กล่าว

ที่มา one31

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ