โผล่อีก สารสาสน์ร่มเกล้า ผู้ปกครองร้องครูโหด กระชากคอเด็ก ไม้บรรทัดตี

โผล่อีก สารสาสน์ร่มเกล้า ผู้ปกครองร้องครูโหด กระชากคอเด็ก ไม้บรรทัดตี

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม นายจตุร เทพประทุม ตัวแทนผู้ปกครองโรงเรียนสารสาสน์วิเทศร่มเกล้า เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วยผู้ปกครองกว่า 40 คน เป็นตัวแทนผู้ปกครองซึ่งได้ร่วมลงชื่อกว่า 400 คน เดินทางมายื่นข้อเรียกร้องต่อผู้อำนวยการโรงเรียนสารสาสน์วิเทศร่มเกล้า ดังนี้ ข้อแรกขอให้ติดตั้งกล้องวงจรปิด ที่ผู้ปกครองสามารถขอดูได้อย่างเปิดเผย เพราะหากประธานโรงเรียนในเครือสารสาสน์ จะติดตั้งกล้องวงจร ปิดให้กับโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์แล้วก็ควรติดตั้งให้กับโรงเรียนสารสาสน์ทั้งเครือ จำนวน 49 แห่ง

อีกข้อคือ เรียกร้องให้ชี้แจงคุณสมบัติของครูทุกคนในโรงเรียนว่ามีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพถูกต้องหรือไม่ เพื่อให้ผู้ปกครองเกิดความสบายใจ นอกจากสองข้อหลักแล้ว ยังมีประเด็นปลีกย่อย อาทิ เรื่องการจัดอาหารกลางวัน หรือเรื่องการจัดรถตู้รับส่งนักเรียนซึ่งขอไปคุยรายละเอียดกับผู้อำนวยการโรงเรียนโดยตรง

นายจตุรกล่าวต่อว่า ในส่วนของโรงเรียนสารสาสน์วิเทศร่มเกล้านั้น พบว่ามีนักเรียนที่ถูกครูทำร้ายร่างกาย 3 ราย รายแรก เป็นนักเรียนชั้นอนุบาล 3 ถูกครูประจำชั้นทำโทษโดยการบีบคอและกระชากตัวเด็กไปหน้าชั้นเรียน มีเพื่อนนักเรียนเป็นพยาน ซึ่งจากการพูดคุยกับหัวหน้าครู ยอมรับว่าครูประจำชั้นรายดังกล่าวกระทำความผิดจริงและทางโรงเรียนจะทำหนังสือเป็นสัญญาว่าจะไม่ให้ครูคนดังกล่าวมาปฏิบัติหน้าที่สอนอีก ขณะที่ผู้ปกครองเตรียมเดินทางไปแจ้งความ

รายที่ 2 เกิดขึ้นมาแล้ว 1 ปี ซึ่งในขณะนั้นเด็กกำลังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถูกครูตีจนเกิดรอยเขียวช้ำ ผู้ปกครองได้ถ่ายภาพเป็นหลักฐาน แต่ไม่ได้พาไปตรวจร่างกาย แต่ภายหลังได้มีการไกล่เกลี่ย รายนี้แม้ผู้ปกครองจะไม่เอาเรื่อง แต่ก็ไม่ควรต้องเกิดขึ้น อยากให้สังคมรับรู้ว่าคนเป็นครูไม่ควรทำร้ายร่างกายเด็ก ส่วนรายที่ 3 เกิดขึ้นกับลูกชายของผมเอง ขณะเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 2 ถูกครูตีด้วยไม้บรรทัดอะลูมิเนียม จนเป็นรอยแดงและเป็นแผลกว่า 14-15 จุด

ซึ่งผมรับไม่ได้ และได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับครูรายดังกล่าวแล้ว ซึ่งหลังจากผ่านไปแล้ว 1 ปีทางศาลได้นัดไต่สวนคำร้องแล้วในวันจันทร์ที่ 5 ตุลาคมนี้ ทั้ง 3 กรณีถ้าโรงเรียนมีกล้องวงจรปิดก็จะสามารถตรวจสอบได้ และมีหลักฐานเพื่อเอาผิดครูที่ทำผิด การที่ออกมาเรียกร้องครั้งนี้ไม่ได้อยากมาเรียกค่าเสียหาย หรือเรียกเงินจากทางโรงเรียน แต่ทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าครูมีจิตวิญญาณความเป็นครู” นายจตุรกล่าว

นายจตุรกล่าวต่อว่า เรื่องนี้ผู้ปกครองส่วนใหญ่ไม่พอใจอย่างมาก และคิดว่าจะเกิดแรงกระเพื่อมกับโรงเรียนสารสาสน์แน่นอน มีผู้ปกครองหลายคนอาจจะให้ลูกออกจากโรงเรียน ส่วนตนเองนั้นโชคดีที่พอขึ้นอนุบาล 3 เจอครูประจำชั้นที่ดี จึงยังไม่ให้ลูกออกจากโรงเรียนนี้ แต่อนาคตก็ไม่แน่ใจ อยู่ระหว่างการพิจารณา

ขอบคุณ มติชน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ