ชัดเจนแล้ว เปิดผลการสืบสวน หลักฐาน คดีน้องชมพู่ หลัง ผบ.ตร.แถลง

ชัดเจนแล้ว เปิดผลการสืบสวน หลักฐาน คดีน้องชมพู่ หลัง ผบ.ตร.แถลง

จากกรณีคดีน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ได้หายออกจากบ้านในหมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 63 กระทั่งมาพบศพบนเขาภูเหล็กไฟ บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร ในวันที่ 14 พ.ค. ซึ่งห่างจากบ้านพักไป 5 กิโลเมตร แต่จนถึงวันนี้ผ่านไปกว่า 4 เดือน ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ว่า ใครเป็นคนทำ ไม่มีการออกหมายจับหรือหมายเรียกใครได้ ทางพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้แถลงสรุปคดีหลังเข้ารับตำแหน่งใหม่ โดยมั่นใจว่าน้องชมพู่มีคนทำให้เสียชีวิต

เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดี-รังสิต พล.ต.อ.สุวัฒน์ เปิดเผยผลการสืบสวนคดีน้องชมพู่ โดยระบุว่า จากการสืบสวนสอบสวนทั้ง 4 เดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสามารถสรุปได้ว่าน้องชมพู่ไม่ได้เสียชีวิตโดยธรรมชาติหรืออุบัติเหตุอย่างแน่นอน เนื่องจากการสอบสวนพยานแวดล้อมคนในพื้นที่ แพทย์ชันสูตร รวมถึงผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ระบุออกมาในทิศทางเดียวกันทั้งหมด ซึ่งสามารถแบ่งออกด้วยเหตุผลทั้ง 8 ข้อ เช่นความเป็นเด็กอายุเพียง 3 ขวบไม่สามารถเดินไปถึงจุดเกิดเหตุเองได้ หรือแม้แต่พลังงานที่มีในร่างกายพิสูจน์จากอาหารมื้อสุดท้ายนั้นก็ไม่สามารถให้พลังงานมากพอที่จะเดินไปถึงจัดเกิดเหตุ ส่วนพยานที่มีความชำนาญพื้นที่เส้นทางขึ้นเขาก็ยืนยันว่าเด็กไม่มีทางเดินไปเองได้

อีกเหตุผลหลักคือเส้นผมของน้องชมพู่ที่พบจำนวน 36 เส้น ลักษณะถูกตัดออกจากรากผม รวมไปถึงสภาพศพที่เด็กไม่ได้สวมเสื้อ ซึ่งยืนยันโดยพ่อแม่เด็กเองว่า เด็กไม่สามารถถอดเสื้อเองได้ ทั้งนี้ทางกุมารแพทย์ยังให้ความเห็นว่าเด็กอายุ 3 ขวบ ไม่สามารถเดินออกห่างจากตัวบ้านได้ไกลเกินไป นอกจากนี้บริเวณโดยรอบเป็นที่โล่งมองเห็นตัวบ้านได้ในระยะไกลไม่น่าจะหลงทางได้ รวมไปถึงนิสัยส่วนตัวของเด็กเป็นคนกลัวป่า กลัวที่มืด ไม่มีประวัติเดินเข้าป่าเพียงลำพังจึงไม่น่าจะเดินไปไกลจนหลงทางขึ้นไปบนเขาได้

ในสวนของการสืบตำรวจได้แบ่งออกเป็น 3 ข้อ คือช่วงเวลาที่เกิดเหตุ ช่วงเวลาที่เด็กเสียชีวิต และสาเหตุของการเสียชีวิต การสืบสวนเริ่มจากการหาช่วงเวลาที่เด็กหายตัวไปมีหลักฐานที่ยืนยันการอยู่ของเด็กได้คือคลิปวีดิโอยูทูบในโน้ตบุ๊ก น้องชมพู่เปิดดูคลิปเมื่อเวลา 09.11 น. หมายความช่วงเวลาดังกล่าวน้องชมพู่ยังอยู่ที่บ้าน จนกระทั่งเวลา 09.49 น. ที่พี่สาวรู้สึกว่าน้องชมพู่หายตัวไปโดยอ้างอิงจากข้อมูลเฟซบุ๊กในโทรศัพท์มือถือของพี่สาว

ต่อมาคือการสืบสวนเวลาตาย แพทย์ผู้ชันสูตรพลิกศพประเมินจากสภาพการเน่าของศพตามธรรมชาติ โดยวิเคราะห์จากสภาพศพที่พบในครั้งแรก และขนาดของหนอนที่พบตามร่างกาย ประกอบกับผลจากการผ่าชันสูตรในวันที่ 15 พ.ค. จากการเจริญเติบโตของหนอนสามารถระบุได้ว่าน้องชมพู่เสียชีวิตมาแล้วอย่างน้อย 3 วัน คือช่วงวันที่ 12 พ.ค. เพื่อให้สามารถระบุช่วงเวลาได้อย่างแม่นยำ ทางชุดสืบสวนได้นำเนื้อหมูไปวางไว้ที่จุดเกิดเหตุเพื่อจำลองการย่อยสลาย พบว่าบริเวณนี้มีอัตราการย่อยสลายที่เร็วกว่าปกติ เพราะบริเวณนั้นมีอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ จึงสามารถระบุเวลาการตายได้ที่เวลา 14.30 น. ของวันที่ 12 พ.ค. ถึงเวลา 14.30 น. วันที่ 13 พ.ค.

ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตจากการชันสูตรพบบาดแผลตามร่างกายหลายจุด แต่ไม่มีแผลฉกรรจ์ที่ทำให้เสียชีวิตได้ และไม่พบการล่วงละเมิดทางเพศ ตามรายงานแพทย์ไม่สามารถสรุปสาเหตุการตายได้ เนื่องจากศพเน่าเกินไป แต่อย่างไรก็ดีแพทย์ผู้ชันสูตรได้ให้ความเห็นว่าเด็กอาจขาดสารอาหารและน้ำจนเสียชีวิต เพราะจากการผ่าชันสูตรไม่พบอาหารหลงเหลือในกระเพาะอาหาร ถึงแม้จะพบของเหลวปริมาณ 10 ซีซี นั้นก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าคืออาหาร

กระทั่งวันนี้ทางตำรวจได้เปิดเผยผลการสอบสวนเท่าที่สามารถเปิดเผยได้โดยไม่กระทบสำนวนคดีคือ มีการสอบสวนสัมภาษณ์ไปแล้ว 384 ปาก สามารถนำเข้าสำนวนได้ 120 ปาก และมีการสอบผู้เชี่ยวชาญอีก 13 ปาก เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ บุคคลต้องสงสัยจำนวน 154 ตัวอย่าง เก็บหลักฐานที่เป็นวัตถุพยานสำคัญในคดีมีทั้งสิ้น 113 ชิ้น ซึ่งเป็นหลักฐานที่พบในจุดเกิดเหตุจำนวน 16 ชิ้น ซึ่ง 16 ชิ้นนี้เป็นหลักฐานสำคัญไม่สามารถเปิดเผยได้

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ