สลด ตร.คุมตัว ฝากขัง 10 ครู-พี่เลี้ยง สารสาสน์ฯ แล้ว

สลด ตร.คุมตัว ฝากขัง 10 ครู-พี่เลี้ยง สารสาสน์ฯ แล้ว

วันที่ 6 ต.ค. ที่สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี ร.ต.อ.อุทิศ อาสานอก รองสว.(สอบสวน) สภ.ชัยพฤกษ์ พาครูและพี่เลี้ยง โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ 10 ราย ส่งศาลแขวงนนทบุรี เพื่อทำการผัดฟ้องและฝากขัง ในข้อหาทำร้ายร่างกายและจิตใจผู้อื่นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อร่างกายและจิตใจ

ประกอบด้วย น.ส.ญาณวัฒนา หรือครูบลู, น.ส.ทิพย์สุดา หรือครูอิ้ว, น.ส.อนรรฆอร หรือครูแพร, น.ส.แพรวนภา หรือครูแพรว, น.ส.โชษิตา หรือครูอิง, น.ส.นภาพร หรือครูส้ม, น.ส.เบญจมาพร หรือครูเจี๊ยบ, น.ส.นิษาชล หรือครูนิ, น.ส.อภัสรา หรือครูมิ้ว, น.ส.ภาสินี หรือครูกิ๊ฟ ยืนต่อศาล ในข้อหาทำร้ายร่างกายและจิตใจผู้อื่นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อร่างกายและจิตใจ

ขณะเดียวกัน นายชาญวิทย์ อายุ 37 ปี พร้อมภรรยา พ่อแม่เด็กที่ถูกครูจุ๋มทำร้าย เดินทางเข้าพบ พนักงานสอบสวน เพื่อขอหนังสือส่งตัวลูกชายไปตรวจสุขภาพ

นายชาญวิทย์ กล่าวว่า วันนี้ตนมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับใบตรวจสุขภาพจิตใจของลูก โดยจะพาเข้าไปรับการตรวจสภาพจิตใจ ตอนนี้สภาพจิตใจของน้องแย่มาก มีอารมณ์รุนแรง กร้าวร้าว นอนกลางคืนยังมีอาการผวา เวลาเดินยังมีการระแวงตลอดเวลา เหมือนกับระแวงว่าพี่เลี้ยงจะทำร้ายเขาเมื่อไหร่สรุปคือลูกตนมีอาการที่รุนแรงมาก

ส่วนในกรณีที่ทางทนายความพาครูจุ๋ม เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตนและภรรยา ก็ไม่มีปัญหา ยอมรับว่าทำร้ายจริง ก็พร้อมที่จะจ่ายค่าปรับตามกฎหมาย ต่ตอนนี้ตนยังไม่ได้รับการติดต่อมา ถ้าเกิดว่ามีการเรียกมาสอบปากคำหรือว่าต้องการข้อมูลอะไรเพิ่ม ตนก็ยินดี

ส่วนกรณีที่มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาทจากทางโรงเรียน นายชาญวิทย์ กล่าวว่า ผู้ปกครองบางท่านก็เรียกต่างกันขึ้นอยู่กับการโดนกระทำมากกว่า ผู้ปกครองทุกท่าน ต้องการเรียกเท่านี้ครับ ส่วนทางตนต้องดูก่อน แต่ก็จะอยู่ประมาณนี้ ซึ่งจริงๆแล้ว ตนใจอ่อนกับครูจุ๋มแล้ว คิดว่าจะไม่เรียกค่าเสียหายอะไร

แต่มาถึงนะวันนี้อยู่ๆ ครูจุ๋มเกิดมาติดใจเอาความจะฟ้องตน ตนก็พร้อมจะดำเนินการกลับแบบเต็มที่เท่าไหร่ก็เต็มเพดานเลย เขาจะมีให้ตนหรือไม่มีให้ อันนี้ก็เป็นเรื่องของเขาแล้ว เพราะว่าตนเองก็ยินดีที่จะจ่ายค่าปรับเช่นกัน ตนทำผิดกฎหมายก็เสียค่าปรับตามประมวลกฎหมาย แต่ที่ครูมาทำกับลูกชายตนโดยไม่ยั้งคิดเช่นนี้ ตนก็พร้อมที่จะเรียกตามกฎหมายเหมือนกันแล้วก็เต็มเพดาน ตามที่กฎหมายจะรองรับ

จริงๆถ้าโรงเรียนออกมาคุยกับผู้ปกครองด้วยความจริงใจนะ ปัญหาก็คงจะจบ คือถ้าคุณแสดงความจริงใจว่าคุณลงมารับผิดชอบกับผู้ปกครองผู้เสียหายจริงๆ ไม่ใช่คุณเอากำแพงกั้นแล้วก็มาทำให้เรื่องราวมันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆถูกต้องหรือไม่ ไม่ใช่ผู้บริหารมาพูดเทำนองคนทำผิดก็แค่ออกไปแล้วเด็กก็เรียนต่อได้อะไรเเบบนี้ แต่จิตใจของเด็กมันไม่ใช่ง่ายเหมือนผู้ใหญ่ใช่หรือไม่

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ