เปิดค่าปรับ รถบัสกฐินที่โดนรถไฟชน โดนโทษหนักแล้ว

เปิดค่าปรับ รถบัสกฐินที่โดนรถไฟชน โดนโทษหนักแล้ว

จากกรณีรถบัสเดินทางจากจ.สมุทรปราการ ไปทอดกฐินที่จ.ฉะเชิงเทรา แต่ถูกรถไฟขบวนบรรทุกสินค้าพุ่งชนขณะรถบัสกำลังข้ามรางรถไฟบริเวณสถานีแขวงกลั่น อำเภอเมือง จ.ฉะเชิงเทรา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 20 รายและได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมากนั้น

ด้าน สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดฉะเชิงเทรา รายงานว่าเมื่อเวลา 8.05 น.วันนี้ เกิดเหตุรถไฟชนกับรถบัส ที่บริเวณสถานีรถไฟแขวงกลั่น ต.บางเตย อ.เมืองฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 20 คน และผู้บาดเจ็บกว่า 30 คน สำหรับรถไฟที่เกิดอุบัติเหตุ เป็นรถไฟบรรทุกสินค้า (บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์) เดินทางระหว่างสถานีแหลมฉบัง-สถานีหัวตะเข้ ได้ชนกับรถบัสโดยสาร ที่นำผู้โดยสารจำนวนประมาณ 60 คน เดินทางมาจากจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อไปทอดกฐินที่วัดบางปลานัก จ.ฉะเชิงเทรา บริเวณเกิดเหตุเป็นทางผ่าน มีสัญญาณเตือน แต่ไม่มีเครื่องกั้น โดยรถบัสขวางอยู่ในทาง ซึ่งจะได้มีการสอบสวนหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุต่อไป เบื้องต้น สำนักงานฯได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ขนส่งจังหวัดฉะเชิงเทรา การรถไฟฉะเชิงเทรา บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ

และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ดำเนินการให้ความช่วยเหลือแล้ว ขณะที่ผู้บาดเจ็บได้รับการนำส่งโรงพยาบาลพุทธโสธร บ้านโพธิ์ คลองเขื่อน และโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ขณะผู้รอดชีวิตในคณะทอดกฐิน หลังจากตกอยู่ใน อาการช็อก ผวาตกใจ ตื่นกลัว เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ตนเห็นรถไฟพุ่งเข้าชนรถบัสบริเวณด้านหน้า และไม่รู้ว่าคนขับรถเห็นรถไฟหรือไม่เมื่อเสี้ยววินาทีรถไฟพุ่งชนทำให้รถบัสเหวี่ยง ตวัด ท้ายรถบัสชนปะทะรถไฟอีกครั้ง มันเกิดขึ้นเร็วมาก ได้เสียงหวีดร้อง ดังระงม สำหรับรายชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุรถบัสบุญกฐินของโรงงานเพอร์เฟค จ.สมุทรปราการ ไปทอดกฐินที่วัดปลานัก ฉะเชิงเทรา

อัพเดทเวลา 12.30 น. 11 ตุลาคม 2563 เข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลพุทธโสธร1.ด.ญ.ปรียานุช รุ่งสว่าง อายุ 6 ปี นอนโรงพยาบาล2.ชาย ไม่ทราบชื่อ-สกุล อายุ 30 ปี นอนโรงพยาบาล3.นายพีระพร สมบูรณ์สิง อายุ 55 ปี นอนโรงพยาบาล4.นายอดิศักดิ์ ลักษณา อายุ 34 ปี นอนโรงพยาบาล5.นางอรัญญา เครือใจ อายุ 45 ปี นอนโรงพยาบาล 6.สุพรรณ แสงโชค นอนโรงพยาบาล7.นายปัญญา ไม่ทราบนามสกุล นอนโรงพยาบาล8.นางนงนาช เตียงขุนทด นอนโรงพยาบาล9.นางสาวปวีณา กลั่นเจริญ นอนโรงพยาบาล10.นางสาวนิตยา แสงภักดี อายุ 38 ปี กลับบ้าน11.นายสันติสุข อินทร์สุข อายุ 48 ปี กลับบ้าน

12.นางอนิต์ มะอาตเลิศ กลับบ้าน14.นายเฉลิม ขำเฉย นอนโรงพยาบาล15.นางนงนาด เตียงขุนเทศะ อายุ 49 ปี นอนโรงพยาบาล ส่วนรายชื่อที่กลับบ้านทั้งหมด16.น.ส.ดาว อายุ 21 ปี17.น.ส.สุนันทา อายุ 20 ปี18. นางนงนาด เทียนขุนทด อายุ 49 ปี19.น.ส.กัญญาณัฐ สครรัมย์ อายุ 54 ปี20.น.ส. สมใจ ภารสำเร็จ อายุ 28 ปี21.ด.ญ.พรนิภา ศนรสเน่ อายุ 9 ปี22.น.ส.อรปรียา อบหอม อายุ 50 ปี23. น.ส.ธิดารัตน์ ศรดาวเดือน อายุ 23 ปี 24. น.ส. นิตยา แสงภักดี อายุ 38 ปี25. นายทัศนัย แสงจันทร์ อายุ 27 ปี26. น.ส.ศุภานัน รุ่งสว่าง อายุ48 ปี27. น.ส.นลินี เบ้าทอง อายุ 50 ปี28. น.ส.วนิดา อาจเลิศ อายุ 43 ปี39. น.ส.บุษบา ทับสีแก้ว ยุ 43 ปี30. นายสันติสุข อินทร์สุข อายุ 48 ปี31.นายเสกสิทธิ์ อ่วมเกิด อายุ 33 ปี

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุรถไฟชนรถบัสคณะทอดกฐิน เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 08.05 น. ทางรถบัสคันเกิดเหตุ วิ่งมาบนถนนแล้วไม่ได้หยุดดูขณะข้ามทางรถไฟ ทำให้รถไฟซึ่งกำลังมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ พุ่งเข้าชน เบื้องต้นทราบว่า คนขับรถไฟพยายามอย่างเต็มที่ในการยับยั้งไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ มีการเปิดหวูดสัญญาณและเปิดไฟเตือน แต่คนขับรถบัสอาจจะไม่ได้ยินหรือไม่เห็น ทำให้ขับข้ามเข้ามาเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว

สำหรับจุดตัดข้ามทางรถไฟดังกล่าว ไม่มีไม้กั้น เนื่องจากสถานีนี้ไม่ได้ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นจุดตัดที่ต้องมีไม้กั้น ซึ่งเรื่องนี้ต้องดูข้อเท็จจริงประกอบกันว่าจุดดังกล่าวมีสถานะเป็นอย่างไรกันแน่ ควรต้องมีไม้กั้นหรือไม่ รวมถึงเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของใครที่จะต้องติดตั้งไม้กั้น เพราะเป็นเส้นทางรถไฟรางคู่ แต่จากการสังเกตเบื้องต้นพบว่า ข้างทางรถไฟมีรั้วกั้นและสัญญาณเตือน แต่อาจจะด้วยความจำเป็นหรือวิถีชีวิตของชาวบ้าน ทำให้มีถนนตัดขึ้นมาตรงจุดดังกล่าว

ส่วนสัญญาณไฟจะใช้ได้หรือไม่ได้นั้น จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน เพราะเป็นการบอกเล่าจากหลายฝ่าย แต่อย่างน้อยที่เห็นทางกายภาพ พบว่า มีสัญญาณเตือน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ผู้ขับขี่ต้องระวังพอสมควร ปัญหาทางตัดเป็นปัญหาที่ทางภาครัฐต้องออกมาพูดคุยกันอย่างจริงจัง เพราะความสูญเสียลักษณะนี้ไม่สมควรเกิดขึ้น แม้อาจจะมีบางส่วนมองว่าไม่อันตราย เนื่องจากเป็นคนในพื้นที่ แต่สำหรับคนนอกพื้นที่ ซึ่งไม่ชินทาง อาจไม่ทันระมัดระวัง

สถานะของทางที่ไม่ได้มีการขึ้นทะเบียน พบว่า มีสัญญาณเตือนอยู่แล้ว ซึ่งคนข้ามก็ต้องระมัดระวัง กรณีที่ไม่มีไม้กั้น ปกติแล้วรถไฟจะต้องส่งเสียงหวูดเตือน แต่ในส่วนของทางก็มีสถานะแตกต่างกัน เช่นเป็นทางที่ชาวบ้านทำเอง คนขับก็ไม่ทราบ รถไฟก็ไม่ทราบ จึงไม่ทันระวัง ลักษณะนี้ต้องอาศัยความระมัดระวังทั้งสองฝ่าย เพราะฉะนั้น ถ้าทางที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ก็จะเป็นทางที่ปลอดภัย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกันไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้อีก ส่วนเรื่องการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง จากนี้ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ล่าสุด มีรายงานว่า กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า เบื้องต้นพบ รถบัสกฐินผิด 3 ข้อหา โดนโทษ ปรับ 150,000 บาท คือบรรทุกผู้โดยสารเกิน, ขาดชำระภาษีประจำปี และขับรถไม่เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบกเปิดเผยว่า จากเหตุการณ์รถทัวร์กฐินถูกรถไฟชนนั้น ขณะนี้ได้สั่งการให้ขนส่งจังหวัดฉะเชิงเทรา ไปเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งในเรื่องของมาตรฐานรถไม่ประจำทางที่ให้บริการผู้โดยสาร รวมถึงให้ไปตรวจสอบจำนวนผู้โดยสารที่โดยสารในรถคันดังกล่าวว่าตรงตามมาตรฐาน ที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ