วันที่ 20 ตุลาคม 2563 เว็บไซต์มิเรอร์ มีรายงานเหตุการณ์สุดช็อกที่เกิดขึ้นภายในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หลังพบว่ามีทารกเสียชีวิตระหว่างการทำคลอดด้วยวิธีการธรรมชาติ โดยพยาบาลได้ดึงศีรษะของทารกอย่างรุนแรงจนหลุดออกจากลำตัว สุดท้ายแพทย์ต้องพาแม่เด็กเข้าห้องผ่าตัดเพื่อนำส่วนที่เหลือของทารกออกมา สิ่งที่เกิดขึ้นได้สร้างความทุกข์ทรมานใจแก่พ่อแม่เด็กเป็นอย่างยิ่ง

เหตุสยองดังกล่าวเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลซานตา คาซา เดอะ มิเซริคอร์เดีย ในเมืองเบเลม รัฐปารา ทางตอนเหนือของบราซิล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (9 ตุลาคม) โดยพบว่าในเวลา 06.00 น. หญิงวัย 26 ปี ซึ่งตั้งครรภ์ได้ 8 เดือน ถูกรถพยาบาลนำตัวมายังโรงพยาบาลแห่งนี้ พร้อมกับเพื่อนของเธอ

ญาติของแม่เด็กเผยกับสื่อท้องถิ่นว่า แพทย์ที่ดูแลการตั้งครรภ์ได้แนะนำให้เธอผ่าคลอด เนื่องจากปัญหาสุขภาพของทารก โดยตอนที่แพทย์ส่งแม่เด็กมายังโรงพยาบาลดังกล่าว ยังได้มีการทำเอกสารระบุว่าต้องทำคลอดด้วยวิธีการผ่าตัดแนบมาด้วย

อย่างไรก็ตาม อแมนดา เวอิรา เพื่อนของแม่เด็ก ให้ข้อมูลกับตำรวจว่า เพื่อนของเธอถูกทิ้งให้รออยู่นานกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนที่จะมีคนนำตัวเข้าห้องคลอดไป เธอได้ย้ำกับแพทย์หลายครั้งแล้วว่าเพื่อนของเธอไม่สามารถคลอดด้วยวิธีธรรมชาติได้ แต่พวกเขาดึงดันจะทำคลอดตามวิธีของตัวเอง

ทางฝั่งชายวัย 25 ปี ซึ่งเป็นพ่อเด็ก เผยว่า แพทย์ที่โรงพยาบาลไม่รับฟังใด ๆ และเอาแต่บอกให้ภรรยาของเขาเบ่ง แถมยังดึงตัวเด็กแรงมาก กระทั่งศีรษะของเด็กหลุดติดมือพยาบาลออกมาและหล่นลงไปบนพื้น หลังจากนั้นทีมแพทย์จึงได้ให้ยากล่อมประสาทแก่ภรรยาของเขา แล้วนำตัวเธอเข้าห้องผ่าตัด เพื่อผ่าเอาร่างกายส่วนที่เหลือของเด็กออกมา

จนตอนนี้ภรรยาของเขายังอยู่ในภาวะช็อกและยังไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ เธอได้ทราบข่าวเรื่องการสูญเสียลูกแล้ว แต่ยังไม่ทราบว่าลูกเสียชีวิตอย่างไร

ทั้งนี้ หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลได้ออกมาอ้างว่า ทารกเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์แล้ว ซึ่งสวนทางจากข้อมูลที่อแมนดาบอกกับตำรวจ ว่าพยาบาลได้ตรวจพบการเต้นของหัวใจทารกถึง 2 รอบ ทั้งในตอนที่แม่เด็กมาถึงโรงพยาบาล และก่อนจะเริ่มทำคลอด

ขณะนี้ทางโรงพยาบาลดังกล่าวอยู่ภายใต้การสอบสวนของตำรวจแล้ว พร้อมกันนั้น ทางผู้ว่าการรัฐปารา ยังได้ออกมาเรียกร้องให้ไล่ออกแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการทำคลอดดังกล่าว รวมถึงขอให้ตำรวจเร่งรัดสอบสวนคดีนี้ด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก มิเรอร์