เอเอฟพี รายงานวันที่ 29 ต.ค. ถึงความคืบหน้าสถานการณ์ภัยพิบัติใน เวียดนาม หลังจากพายุไต้ฝุ่น "โมลาเบ" ที่ความเร็วลมสูงสุด 145 ก.ม.ต่อช.ม. พัดถล่มพื้นที่ตอนกลางของประเทศ ตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา ก่อนลดระดับเป็นพายุดีเปรสชัน ว่า

ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 16 ราย ในจำนวนนี้ 2 รายถูกต้นไม้ที่โดนลมพัดหักโค่นตกทะลุหลังคาบ้าน 14 รายเสียชีวิตจากเหตุดินโคลนถล่ม 2 แห่งใน 2 หมู่บ้านของจังหวัดกว๋างนาม และยังมีผู้สูญหายราว 53 คน

ขณะเดียวกันมีผู้บาดเจ็บ 28 คน ราว 375,000 คนต้องอพยพย้ายไปอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราว 6.5 ล้านคนไม่มีไฟฟ้าใช้ และอาคารบ้านเรือนอย่างน้อย 56,163 หลังเสียหายหรือถูกทำลาย

ด้านกองทัพเรือยังเดินหน้าค้นหาลูกเรือ 26 คนจากเรือประมง 2 ลำที่ถูกคลื่นสูงซัดหายไปอย่างไร้ร่องรอยระหว่างพายุเคลื่อนผ่านน่านน้ำทะเลจีนใต้ ก่อนขึ้นฝั่งที่จังหวัดกว๋างนาม

นายจิ่ญ ดินห์ ซุง รองนายกรัฐมนตรีเวียดนาม กล่าวว่าสถานการณ์ดินถล่มในกว๋างนามเลวร้ายมาก นอกจากดินโคลนไหลถล่มปิดกั้นเส้นทางการจราจรแล้ว ยังมีต้นไม้ล้มระเนระนาดเป็นบริเวณกว้าง ทำให้หน่วยกู้ภัยและกำลังทหารเข้าถึงจุดเกิดเหตุได้อย่างยากลำบาก

ทั้งนี้ ไต้ฝุ่นโมลาเบเป็นพายุลูกที่ 5 ที่พัดถล่มเวียดนามในช่วงเดือนต.ค. เพียงเดือนเดียว เริ่มจากพายุโซนร้อนหลิ่นฟา ระหว่างวันที่ 9-12 ต.ค. ตามด้วยพายุนังกาซึ่งเคลื่อนตัวเข้าพื้นที่ตอนเหนือ ในช่วงวันที่ 11-16 ต.ค.

ส่วนพายุดีเปรสชันเขตร้อนโอเฟล ซัดถล่มตอนใต้เมื่อวันที่ 13-18 ต.ค. จากนั้นไต้ฝุ่นโซเดลพัดผ่านตอนกลางระหว่างวันที่ 24-26 ต.ค. เมื่อรวมกับพายุฤดูมรสุมช่วงต้นเดือนต.ค. ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากภัยธรรมชาติในเวียดนามมีอย่างน้อย 148 ราย