บินไทย ประกาศโครงสร้างองค์กรใหม่ ลดจำนวนผู้บริหารลงเหลือ 500 อัตรา

บินไทย ประกาศโครงสร้างองค์กรใหม่ ลดจำนวนผู้บริหารลงเหลือ 500 อัตรา

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการประชาคมคน TG ว่า ตามที่บริษัทฯ เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการนั้น เพื่อให้สำเร็จลุล่วงจนบริษัทฯ สามารถประกอบกิจการต่อได้ จึงจำเป็นต้องปรับปรุงโครงสร้างองค์กร และกลยุทธ์ทางธุรกิจหลายๆ ด้าน เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงานมากขึ้น อันจะนำไปสู่การเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และการบริหารจัดการต้นทุนให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ โดยบริษัทฯ มีแนวคิดปรับโครงสร้างองค์กรโดยมุ่งเน้นการพัฒนาเพื่อการเติบโตด้านต่างๆ การเพิ่มขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบ การมีขอบเขตการบังคับบัญชาที่เหมาะสม และมีโครงสร้างองค์กรราบและกระชับขึ้น

นายชาญศิลป์ กล่าวต่อว่า บริษัทฯ ได้จัดโครงสร้างองค์กรที่เป็นแบบรวมศูนย์สำหรับงานเกี่ยวกับการเงินบัญชี การบริหารงานบุคคล การจัดซื้อ เพื่อลดความซ้ำซ้อนของงาน และใช้ข้อมูลร่วมกัน ส่งผลให้โครงสร้างองค์กรมีความกระชับ และเล็กลง แต่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น รวมทั้งลดจำนวนผู้บริหารลงจาก 740 อัตรา เหลือ 500 อัตรา อีกทั้งลดขั้นตอนการบังคับบัญชาจากเดิม 8 ระดับ เหลือ 5 ระดับ ได้แก่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ระดับ 14 ประธานเจ้าหน้าที่ (Chief of) ระดับ 12-13 ผู้อำนวยการ (Director) และกรรมการผู้จัดการ (Managing Director) ระดับ 11-12 หัวหน้าฝ่าย (Head of) ระดับ 10 และหัวหน้ากลุ่มงาน (Team Lead) ระดับ 8-9 และแบ่งออกเป็น 8 สายงาน ได้แก่ 1.สายการพาณิชย์ 2.สายปฏิบัติการ 3.สายช่าง 4.สายการเงินและการบัญชี 5.สายทรัพยากรบุคคล 6.ฝ่ายดิจิทัล 7.ฝ่ายขับเคลื่อนองค์กร และ 8.หน่วยธุรกิจการบิน

นายชาญศิลป์ กล่าวอีกว่า ภายในหน่วยงานดังกล่าว บริษัทฯ ได้เพิ่มหน่วยงานใหม่ 2 หน่วยงาน ได้แก่ 1.ฝ่ายขับเคลื่อนองค์กร โดยจะทำหน้าที่ขับเคลื่อน ประสานเชื่อมโยง และรวบรวมความคิดริเริ่มที่มาจากพนักงาน เพื่อให้พนักงานมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนองค์กร ซึ่งขณะนี้มีโครงการริเริ่มแล้วกว่า 600 โครงการ หากดำเนินการตามแผนคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ และ 2.ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาองค์กร ทำหน้าที่วางแผน กำหนดทิศทางกลยุทธ์ในภาพรวม การสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ของบริษัทฯ และการบริหารจัดการบริษัทในเครือ

นายชาญศิลป์ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้เปิดโครงการร่วมใจเสียสละเพื่อองค์กร (Mutual Separation Plan) ให้พนักงานสมัครใจเสียสละเข้าร่วมโครงการและลาออกจากบริษัทฯ แบ่งเป็น 2 โครงการ ได้แก่ โครงการร่วมใจจากองค์กรแผน B (MSP B) เป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการลาระยะยาว Leave With 20% Pay (LW 20) ที่พนักงานได้รับเงินเดือน 20% เป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.63-30 เม.ย.64 และโครงการร่วมใจจากองค์กรแผน C (MSP C) โดยทั้งสองโครงการจะเปิดรับสมัคร แบ่งเป็น 4 Block ได้แก่ Block ที่ 1 รับสมัครตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ.-2 มี.ค.64 Block ที่ 2 รับสมัครตั้งแต่ 2-16 มี.ค.64 Block ที่ 3 รับสมัครตั้งแต่ 16 มี.ค.-1 เม.ย.64 และ Block ที่ 4 รับสมัครตั้งแต่ 1-19 เม.ย.64

พนักงานที่เข้าโครงการฯ จะได้รับเงินตอบแทนในอัตราเทียบเท่าค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน คำนวณจากค่าจ้างอัตราสุดท้ายของพนักงานตามกฎหมาย และยังมีเงินตอบแทนพิเศษเพิ่มเติม โดยพนักงานที่เข้า MSP B จะได้เงินตอบแทนพิเศษเพิ่มเติมเท่ากับเงินเดือน 4 เดือน ส่วนพนักงานที่สมัครใจเข้าโครงการ MSP C จะได้เงินตอบแทนพิเศษเพิ่มเติม เท่ากับเงินเดือน 0.5-1 เดือน ตามอายุของพนักงาน ทั้งนี้ บริษัทฯ จะแบ่งจ่ายเงินช่วยเหลือเป็นเวลา 12 งวด โดย MSP B Block ที่ 1 เริ่มจ่ายงวดแรกเดือน มิ.ย.64 และ Block ที่ 2-4 เริ่มจ่ายงวดแรกในเดือนถัดไปตามลำดับ ส่วน MSP C Block ที่ 1 เริ่มจ่ายงวดแรกเดือน ก.ย.64 และ Block ที่ 2-4 เริ่มจ่ายงวดแรกในเดือนถัดไปตามลำดับ ทั้งนี้บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯ มีความพร้อมที่จะกลับมาให้บริการ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันจนสามารถกลับมาเป็นผู้นำในตลาดอุตสาหกรรมการบินได้ ซึ่งการฟื้นฟูฯ จะประสบความสำเร็จได้ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย รวมถึงเจ้าหนี้ และพนักงานทุกคน

ที่มา dailynews

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ